สุดยอดหัวใจ ถูกให้ออกเพราะป่วย แต่ไม่ถอย เปิดท้ายขายกาแฟหาเงินรักษาตัวเอง

สาวป่วย 3 โรค ถูกให้ออกเพราะป่วย แต่ใจไม่ท้อ ลุกขึ้นมาสู้ชีวิตอีกครั้ง ด้วยหัวใจที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังบวก เธอได้นำ รถเก๋งคู่ใจมาดัดแปลงเป็นร้านกาแฟเคลื่อนที่ เปิดท้ายรถขายกาแฟด้วยสองมือของตัวเอง เพื่อหารายได้เป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาตัว
สุดยอดหัวใจ “ถูกไล่ออกเพราะป่วย” แต่ไม่ถอย เปิดท้ายขายกาแฟหาเงินรักษาตัวเอง สาวป่วย 3 โรคถูกไล่ออก แต่ใจไม่ท้อ ลุกขึ้นมาสู้ชีวิตอีกครั้ง
เรื่องราวสุดประทับใจของหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังเป็นที่พูดถึงถึงความแข็งแกร่งและหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ เธอต้องเผชิญกับบททดสอบครั้งใหญ่ในชีวิต เมื่อถูกวินิจฉัยว่าเป็น มะเร็ง แถมยังป่วยด้วยอาการ ซึมเศร้าและแพนิก ทำให้ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเพื่อรักษาตัวบ่อยครั้ง จนสุดท้ายต้องถูกให้ออกจากงาน
แต่แม้ชีวิตจะถาโถม เธอก็ไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตา ด้วยหัวใจที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังบวก เธอได้นำ รถเก๋งคู่ใจมาดัดแปลงเป็นร้านกาแฟเคลื่อนที่ เปิดท้ายรถขายกาแฟด้วยสองมือของตัวเอง เพื่อหารายได้เป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาตัว
นี่คือบทพิสูจน์ที่แท้จริงว่า แม้ชีวิตจะยากลำบากเพียงใด หากเรามีกำลังใจและความมุ่งมั่น ก็สามารถลุกขึ้นสู้และสร้างโอกาสให้ตัวเองได้เสมอ เรื่องราวของเธอจึงเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลายคนที่กำลังเผชิญกับความท้าทายในชีวิต
โดยน.ส.นิรุชาจันทร์ทอง อายุ 41 ปี เล่าว่า เพิ่งเปิดร้านได้ประมาณ 10 วัน ก่อนหน้านี้ป่วยบ่อยและพึ่งตรวจเจอว่าเป็นมะเร็งระยะที่ 1 ต้องตัดชิ้นเนื้อไปตรวจตลอด และป่วยเป็นโรคซึมเศร้ากับโรคแพนิก เมื่อก่อนตอนทำงาน ลาบ่อย ทางที่ทำงานเลยให้ออกมารักษาตัวก่อน
จากนั้น ก็มาเห็นภาพในเฟซบุ๊กก็มีพวกพี่เขาลงภาพบ่อยในเรื่องขายเบเกอรี ขายกาแฟ ท้ายรถกัน ก็เลยเกิดแนวคิดนำมาขายดู เพราะเราไม่มีที่ขาย จึงต้องวนรถที่จะขาย จนไปเจอร้านริมทางใกล้กับร้านขายหมูปิ้ง ซึ่งอยู่ใกล้กับห้างฯ ถนนสายเชียงใหม่-ลำปาง เลยสี่แยกศาลเด็กมาเล็กน้อย ก็จะขายช่วงเช้า พอร้านขายหมูปิ้งเก็บ ก็จะเก็บร้านตามแล้วก็วนไปตามจุดต่าง ๆ เพื่อตระเวนขายจนหมดวันเมื่อก่อนทำงานบริษัทฯ แต่มีอาการแพนิก มือเท้าสั่น ไม่สามารถขับรถได้ ซึ่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลลานนา ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้ว และสามารถขับรถได้แล้ว แต่ขับไม่เร็ว 40-60 กม./ชั่วโมง
ตอนนี้ ก็ต้องหาเงินเพื่อมาเป็นค่าครองชีพและค่ารักษา ซึ่งใช้สิทธิประกันสังคม แต่ก็ยังมีค่าใช้จ่ายส่วนเกินที่ไม่ได้คุ้มครอง ต้องจ่ายหลักพันบาท บางครั้งจ่ายหลักหมื่นบาท ที่ต้องจ่ายเอง แล้วต้องขับรถไปทั่วเมืองเชียงใหม่ แต่จะพยายามจอดประจำจุดให้มากที่สุดเพราะกลัวแบตรถหมด เพราะเป็นรถไฟฟ้าและนำไฟฟ้าจากตัวรถมาใช้กับเครื่องชงกาแฟ แต่จะจอดในสถานที่ ๆ มีคนเยอะ ๆ ราคาที่ขายสำหรับกาแฟเริ่มต้นที่แก้วละ 45 บาท หากเป็นน้ำหวานก็ราคา 40 บาท วันก่อนขายได้ 7 แก้ว เมื่อวานได้ 6 แก้ว วันนี้ตั้งแต่เช้าเพิ่งขายได้ 4 แก้ว แต่ที่เคยสอบถามพี่ ๆ ที่ขายริมถนนกัน ก็ทราบมาว่า ต้องขายให้ได้วันละ 20 แก้วขึ้นไปถึงจะได้กำไร แต่เรายังใหม่และไม่เป็นที่รู้จักก็พยายามอยู่ ส่วนเรื่องค่ารักษา บางเดือนหากไม่พอ ทางคุณแม่ก็ช่วยบ้าง แต่แม่ก็ไม่มีรายได้อะไร เป็นแม่บ้าน ซึ่งตนก็ต้องหมุนเงินจากบัตรเครดิตมาใช้ในการรักษาตัวหากเงินไม่พอจริง ๆ แล้วค่อยผ่อนจ่าย ตอนนี้ต้องเร่งหาเงินเพื่อมาใช้รักษาตัว เพราะเข้าโรงพยาบาลทุกเดือน ไปทำการรักษาเพื่อรักษาโรคซึมเศร้า และอาการแพนิก ส่วนเรื่องเลเซอร์รักษามะเร็ง จะไปทุก ๆ 6 เดือน
ทั้งนี้ หากผู้ที่สนใจอยากช่วยเหลือ ก็สามารถมาอุดหนุนได้ที่ตอนเช้า จะมีจุดจอดประจำ แต่ช่วงสาย ๆ ก็จะตระเวนไปตามจุดต่างๆ ติดต่อได้ทางเฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/ketsarin.meesuk หรือที่เบอร์โทร 082-6811000 สามารถถามจุดจอดที่จำหน่ายได้ ตอนนี้เป็นมือใหม่ หากกาแฟไม่ถูกใจก็ต้องขออภัยลูกค้าด้วย แต่พร้อมที่จะปรับปรุงและทำให้ดีที่สุด เพื่อหาเงินมาทำการรักษา

"ทหารกัมพูชา" ยอมถอนกำลังแล้ว พร้อมปิดกลบคูเลต ให้อยู่ในสภาพเดิม

ทลายคลังรองเท้าปลอม ห้างดังย่านปทุมวัน เสียหายกว่า 10 ล้าน

ช่างแอร์เตือนจริง ตั้ง 26 องศา ทำร้ายสุขภาพคุณโดยไม่รู้ตัว

ระวัง ไอเรื้อรัง-เหนื่อยง่าย สัญญาณเตือน ที่มักถูกเข้าใจผิด
