รู้เท่าทันปัญหายางบวม ช่วยลดอุบัติเหตุ เพิ่มความปลอดภัย

รู้เท่าทันปัญหายางบวม ช่วยลดอุบัติเหตุ เพิ่มความปลอดภัย ปัญหายางบวม แม้ดูภายนอกอาจไม่รุนแรง แต่หากไม่รีบตรวจสอบ หรือแก้ไขให้ถูกวิธี อาจนำไปสู่อุบัติเหตุได้
ยางรถยนต์ เป็นอะไหล่ของรถยนต์ที่หลายคนมองข้าม โดยเฉพาะเหล่ามือใหม่หัดขับ เพิ่งจะมีรถยนต์ได้ไม่นาน คิดว่า ตราบใดที่ยางรถยนต์ยังพาให้รถขับเคลื่อนที่ไปได้ แม้ไม่ได้หมั่นเติมลมยาง หรือมีัร่องรอยสึกหรอ ยางบวมนิดๆ หน่อยๆ คงจะไม่เป็นอะไร หากใครกำลังมีความคิดแบบนี้อยู่ รีบเปลี่ยนความคิดใหม่ด่วน! เพราะ ‘ปัญหายางบวม’ นี้ แม้ดูภายนอกอาจไม่รุนแรง แต่หากไม่รีบตรวจสอบ หรือแก้ไขให้ถูกวิธี อาจนำไปสู่อุบัติเหตุร้ายแรงบนท้องถนนได้ บทความนี้ เราเลยขอพาทุกคนไปทำความเข้าใจว่า อาการยางรถยนต์บวมเกิดจากอะไร อันตรายแค่ไหน มีวิธีสังเกตอย่างไร รวมถึงแนวทางป้องกันที่สามารถทำได้ง่ายๆ เพื่อให้คนมีรถยนต์ขับขี่ได้อย่างมั่นใจ ถนอมอะไหล่รถยนต์และเพิ่มความปลอดภัยทุกการเดินทาง ตามมาดูกัน!
ยางรถยนต์บวมคืออะไร
ยางรถยนต์บวม (Tyre Bulge) คือ อาการที่ยางมีลักษณะนูน หรือโปนออกมาผิดปกติจากหน้ายางหรือด้านข้างของยาง ซึ่งสามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า โดยตำแหน่งที่บวมจะมีลักษณะคล้ายฟองลมที่ดันออกมา หากปล่อยไว้นานๆ เข้า โดยที่ไม่ได้ซ่อมแซม หรือเปลี่ยนยางใหม่ อาจเกิดการระเบิดของยางได้ โดยเฉพาะขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูง ซึ่งอาจส่งผลให้รถเสียการควบคุมทันที จึงจำเป็นต้องรีบตรวจสอบและแก้ไขอย่างเร่งด่วน
รวมสาเหตุของยางรถยนต์บวม
1. การกระแทกจากถนนที่มีหลุมหรือสิ่งกีดขวาง
เมื่อขับรถตกหลุม กระแทกขอบฟุตบาท หรือชนสิ่งกีดขวางด้วยความเร็ว โครงสร้างภายในของยาง โดยเฉพาะเส้นใยโลหะหรือใยผ้าใบที่ช่วยเสริมความแข็งแรง อาจเสียหายจนลมภายในดันยางโป่งออกมาเกิดเป็นจุดบวมได้โดยไม่รู้ตัว ยิ่งถ้าขับบนถนนที่มีพื้นผิวขรุขระบ่อย ก็ยิ่งมีความเสี่ยงสูงนั่นเอง
2. เติมลมยางผิดมาตรฐาน
แรงดันลมที่ไม่เหมาะสม เช่น เติมน้อยเกินไปทำให้ยางแบน หรือเติมมากเกินไป จนยางแข็งกระด้าง อาจทำให้ขณะขับขี่ โครงสร้างของยางเกิดความเสียหาย ด้วยต้องรับแรงกด หรือแรงเสียดทานมากขึ้นกว่าปกติ และส่งผลให้เกิดเป็นปัญหายางบวมขึ้นมา
3. ยางเสื่อมสภาพ หรือหมดอายุการใช้งาน
แม้ดอกยางจะยังคงสภาพดี แต่หากยางรถยนต์ใกล้หมดอายุการใช้งาน มีอายุมากกว่า 4-5 ปีขึ้นไป หรือตามระยะเวลาที่คู่มือแนะนำให้เปลี่ยน วัสดุภายในอาจเสื่อมสภาพ ทำให้ยางอ่อนฟีบ ทั้งยังไวต่อแรงเสียดทานและแรงกระแทก โดยเฉพาะในช่วงที่มีอุณหภูมิสูง หากจอดรถยนต์ตากแดดนาๆน หรือใช้รถเป็นประจำโดยไม่เช็กสภาพยาเลย โอกาสที่ยางจะบวมจากการเสื่อมสภาพยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย
4. เลือกใช้ยางไม่มีคุณภาพ หรือผลิตจากโรงงานที่ไม่ได้มาตรฐาน
การเลือกใช้ยางที่ไม่ได้ผ่านการทดสอบคุณภาพ หรือมาจากแหล่งผลิตที่ไม่มีมาตรฐาน อาจมีโครงสร้างที่อ่อนแอ ไวต่อการสึกหรอมากกว่าปกติ ส่งผลให้ แม้จะใช้งานยางรถยนต์ไม่หนัก ขับขี่บนพื้นถนนธรรมดา ก็เสี่ยงทำให้เกิดปัญหายางรถยนต์บวมขึ้นมาได้
ยางบวมอันตรายแค่ไหน?
แม้จะดูเป็นแค่ตุ่มเล็กๆ เกิดขึ้นมา แต่ยางบวมเปรียบเสมือนระเบิดเวลาบนท้องถนน เพราะจุดบวมคือ บริเวณที่โครงสร้างยางอ่อนแอที่สุด หากยางต้องรับแรงกดดันเพิ่มเติม เช่น เบรกกะทันหัน หักเลี้ยวอย่างรวดเร็ว หรือขับด้วยความเร็วสูง ก็อาจทำให้ยางระเบิดได้ทันที ส่งผลให้รถหมุนหรือพลิกคว่ำ ซึ่งอาจสร้างความเสียหาย ทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินของเรา
วิธีตรวจสอบและรับมือหากพบว่ายางบวม
หากเราสงสัยว่ายางของเรามีปัญหา ควรเริ่มจากการสังเกตด้วยตาเปล่ารอบๆ ด้านข้างยาง โดยเฉพาะบริเวณแก้มยาง หากพบความผิดปกติหรือมีลักษณะนูน ควรหยุดใช้งานทันที และหลีกเลี่ยงการเดินทางไกลในช่วงนั้น พร้อมนำรถเข้าตรวจเช็กกับช่างผู้เชี่ยวชาญ เพราะยางบวมไม่สามารถซ่อมได้ ต้องเปลี่ยนยางใหม่เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่
วิธีป้องกันไม่ให้ยางรถยนต์บวม
การป้องกันยางรถยนต์บวมสามารถทำได้ด้วยการดูแลเบื้องต้นอย่างสม่ำเสมอ เช่น ตรวจสอบและเติมลมยางให้เหมาะสมตามมาตรฐานของรถ หลีกเลี่ยงการขับรถตกหลุม ชนฟุตบาท หรือกระแทกสิ่งกีดขวางซึ่งอาจทำให้โครงสร้างยางเสียหาย ไม่บรรทุกของหนักเกินพิกัดของรถ เปลี่ยนยางเมื่อครบอายุการใช้งานหรือเมื่อเริ่มมีสัญญาณเสื่อมสภาพ และหลีกเลี่ยงการจอดรถกลางแดดเป็นเวลานาน นอกจากนี้ควรเลือกใช้ยางคุณภาพจากผู้ผลิตที่เชื่อถือได้ เพราะวัสดุและขั้นตอนการผลิตที่ได้มาตรฐานจะช่วยลดความเสี่ยงของการบวมและยืดอายุการใช้งานยางได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง
ยางรถยนต์บวมไม่ใช่ปัญหาเล็กน้อยที่ควรมองข้าม เพราะอาจเป็นจุดเริ่มต้นของอุบัติเหตุร้ายแรงหากปล่อยไว้โดยไม่ตรวจสอบ อาการบวมเกิดจากโครงสร้างภายในของยางเสียหาย ไม่ว่าจะมาจากการกระแทกแรง เติมลมผิดมาตรฐาน หรือใช้ยางที่หมดอายุและเสื่อมสภาพ หากพบยางบวมควรหยุดใช้งานทันที และเปลี่ยนเป็นยางใหม่เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ การดูแลยางอย่างสม่ำเสมอ ตรวจสอบแรงดันลมให้เหมาะสม หลีกเลี่ยงการขับตกหลุมหรือชนสิ่งกีดขวาง และเลือกใช้ยางที่มีคุณภาพ คือ วิธีที่ช่วยป้องกันปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด เพราะเมื่อยางมีสภาพสมบูรณ์ ก็จะช่วยให้ทุกการเดินทางมั่นใจ ปลอดภัย และราบรื่นยิ่งขึ้น!