เตือนคนไทย! แก่แล้วไม่หยุดทำงาน วิกฤตเงินไม่พอใช้ หลังอายุยืนเกินคาด

เตือนคนไทย แก่แล้ว “ไม่หยุดทำงาน”  

การเกษียณแบบเดิม “ล้าสมัย” คนไทยต้องปรับตัวรับยุค "เกษียณตามเป้าหมาย ไม่ใช่อายุ"

แนวคิดการเกษียณที่ผูกติดกับอายุ 55 หรือ 60 ปี กำลังจะกลายเป็นเรื่องล้าสมัยสำหรับคนไทย ท่ามกลางความท้าทายจากอายุขัยที่ยืนยาวขึ้น อัตราเงินเฟ้อ 

และสังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการวางแผนการเงินชี้ว่า การเกษียณในยุคปัจจุบันจะถูกขับเคลื่อนด้วย "เป้าหมายทางการเงินและความสามารถในการทำงาน" 

ไม่ใช่อายุที่กำหนดตายตัว ทำให้คนไทยอาจต้องทำงานนานขึ้น หรือต้องมีการวางแผนทางการเงินเพื่อการเกษียณที่แตกต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

 

การที่คนไทยมีอายุยืนยาวขึ้น หมายถึงช่วงชีวิตหลังเกษียณที่ยาวนานขึ้นตามไปด้วย ซึ่งต้องการเงินทุนจำนวนมหาศาลเพื่อใช้จ่ายตลอดช่วงชีวิตนั้น 

ในขณะเดียวกัน อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องก็กัดเซาะมูลค่าของเงินออม ทำให้เงินเก็บในวันนี้มีอำนาจการใช้จ่ายลดลงในอนาคต หากไม่มีการวางแผนที่ดีพอ 

ยิ่งไปกว่านั้น ปัญหาการออมที่ไม่เพียงพอของคนไทยจำนวนมาก และโครงสร้างประชากรสูงวัยที่กำลังถาโถมเข้ามา ยิ่งเป็นปัจจัยกดดันให้คนไทยต้องตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างเร่งด่วน

 

ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า การวางแผนเกษียณในยุคใหม่ต้องเริ่มต้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ กำหนดเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจน ออมและลงทุนอย่างสม่ำเสมอในหลากหลายช่องทาง 

รวมถึงการมองหาแหล่งรายได้เสริม และการพิจารณาประกันชีวิตและสุขภาพเพื่อลดความเสี่ยงทางการเงินที่อาจเกิดขึ้น การเรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ๆ  

อย่างต่อเนื่องก็เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ยังคงมีคุณค่าในตลาดแรงงานแม้ในวัยที่อายุมากขึ้น

เกษียณ 60 ปี “ไม่จริงอีกต่อไป”
ยุคนี้คนไทยอาจ ต้องทำงานนานขึ้น เพราะปัจจัยหลายอย่างเปลี่ยนไป เช่น

คนมีอายุยืนขึ้น
ค่าครองชีพสูง
เงินเก็บอาจไม่พอใช้ถึงบั้นปลายชีวิต

การเกษียณไม่ได้วัดจากอายุอีกต่อไป แต่ขึ้นอยู่กับว่า
- มีเงินพอใช้หลังเกษียณไหม?
- ยังสามารถทำงานได้หรือไม่?

ถ้าไม่วางแผนการเงินให้ดี อาจต้องทำงานยาวถึงแก่!
ผู้เชี่ยวชาญแนะให้เริ่มวางแผนตั้งแต่วันนี้:

ตั้งเป้าหมายเกษียณ
ออมและลงทุนสม่ำเสมอ
หารายได้เสริม
พัฒนาทักษะไว้ใช้ทำงานได้นานขึ้น
ทำประกันสุขภาพไว้รองรับอนาคต