เผย 4ช่องทาง ที่ "เชื้อแอนแทรกซ์" สามารถเข้าสู่ร่างกายคนได้

ตอกย้ำอันตรายจากลาบดิบ! “หมอเจด” เผยเคสจริงเสียชีวิตจากแอนแทรกซ์หลังช่วยชำแหละวัว-กินเนื้อดิบ ชี้ชัด Medium Rare ยังไม่รอด ถ้าไม่แน่ใจที่มาเนื้อสัตว์ อย่าเสี่ยง!

"หมอเจด" นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุว่า 

คำเดียวถึงตุย! กินเนื้อวัวดิบ เสี่ยงแอนแทรกซ์

1. โรคแอนแทรกซ์คืออะไร? เคยระบาดในไทยมั้ย? แล้วตอนนี้ยังน่ากลัวอยู่ไหม?

แอนแทรกซ์ (Anthrax) เป็นโรคติดเชื้อจากแบคทีเรียตัวหนึ่งชื่อว่า Bacillus anthracis
ที่มันน่ากลัวก็เพราะแบคทีเรียตัวนี้สร้าง “สปอร์”
ที่แข็งแรงมาก อยู่ในดินได้เป็นสิบ ๆ ปี แถมทนร้อนทนเย็นสุด ๆ
เจ้าสปอร์พวกนี้มักจะอยู่ในสัตว์
พวกวัว ควาย แพะ แกะ
โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เคยมีโรคนี้มาก่อน
ถ้าวัวหรืควายติดเชื้อ พอตายแล้วคนไปชำแหละหรือกินเข้าไปก็มีโอกาสติดเชื้อได้เลย
แล้วในไทยเคยมีระบาดไหม?
เคยมีครับ ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวด้วยนะ

•ย้อนกลับไปปี 2543 เจอผู้ป่วยรวม 15 ราย
ที่พิจิตร 14 ราย และที่พิษณุโลก 1 ราย
•ต่อมาในปี 2560 ก็ยังมีอีก ที่ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เจอผู้ป่วย 2 ราย
แล้วตอนนี้ยังมีโอกาสระบาดไหม?
ล่าสุดมีเคสเสียชีวิต 1 รายที่อีสาน
เพราะกินวัวดิบในงานบุญ
ผู้ป่วยคนนี้ร่วมช่วยชำแหละวัว
แล้วกินเนื้อดิบ ต่อมามีตุ่มขึ้นที่มือ
บวมแดง แล้วกลายเป็นแผลดำ
อาการลุกลามเร็วมาก
ไข้ขึ้น ชักเกร็ง สุดท้ายเสียชีวิตในไม่กี่วัน
ตรวจแล้วพบว่าเป็นเชื้อแอนแทรกซ์แน่นอน
เคสนี้น่ากลัวเพราะมีคนสัมผัสสัตว์
หรือกินเนื้อดิบไปแล้วถึง 247 คน!
ซึ่งตอนนี้ยังรักษาโดยการให้ยา
และยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่ม

2. เชื้อแอนแทรกซ์เข้าสู่ร่างกายได้กี่ทาง?

แบบไหนอันตรายสุด?
แอนแทรกซ์สามารถเข้าสู่ร่างกายคนได้หลายทางเลยครับ มีหลัก ๆ 3 แบบ + แบบพิเศษอีก 1
1. ทางผิวหนัง
อันนี้พบมากที่สุด แค่มีแผลถลอกนิดเดียว แล้วไปจับเนื้อสัตว์ที่มีเชื้อก็พลาดได้แล้ว
2. ทางการกิน
เชื้อเข้าสู่ร่างกายจากการกินเนื้อสัตว์ที่ติดเชื้อ แบบดิบ ๆ หรือสุก ๆ ดิบ ๆ อย่างลาบ ก้อย ตับสด
3. ทางหายใจ
อันนี้รุนแรงที่สุด เกิดจากการสูดฝุ่นหรือสปอร์จากซากสัตว์ เช่น ในโรงงานฟอกหนัง
4. ทางการฉีดยา
พบน้อยมาก มักเกิดในกลุ่มใช้เข็มฉีดยาปนเปื้อนในต่างประเทศ

3. อาการของโรคแอนแทรกซ์

อาการจะต่างกันไปตามทางที่เชื้อเข้า
ทางผิวหนัง
•เริ่มจากตุ่มนูน ๆ แดง ๆ คัน ๆ คล้ายยุงกัด
•ต่อมาจะกลายเป็นตุ่มน้ำ แล้วแตกเป็นแผล
จุดกลางของแผลจะดำสนิท (เรียกว่า eschar) อันนี้เป็นเอกลักษณ์ของโรคนี้เลย
•อาจมีไข้ ปวดเมื่อย ถ้าเชื้อลามไปทั่วร่างกายอาจเสียชีวิตได้
ทางเดินอาหาร
•ปวดท้องหนักมาก
•คลื่นไส้ อาเจียน
•ถ่ายเป็นเลือดหรืออุจจาระสีดำ
•ถ้าลุกลามอาจทะลุลำไส้ หรือเข้าสู่กระแสเลือด
ทางหายใจ
แบ่งเป็น 2 ระยะ
•ระยะแรก: ไข้ต่ำ เจ็บคอ ไอแห้ง ๆ ปวดกล้ามเนื้อ
•ระยะรุนแรง: หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก เขียวหมดแรง ช็อก และอาจเสียชีวิตใน 2–3 วันถ้าไม่รีบรักษา

4. ป้องกันยังไงไม่ให้ติดแอนแทรกซ์?

•อย่ากินเนื้อสัตว์ดิบ โดยเฉพาะวัว ควาย แพะ จากแหล่งที่ไม่แน่ใจ
•เห็นสัตว์ตายแบบไม่รู้สาเหตุ อย่าแหละ อย่าชำแหละ อย่ากิน ให้แจ้งปศุสัตว์เลย
•ถ้ามีแผลแล้วไปสัมผัสซากสัตว์ หรือกินลาบดิบ แล้วมีไข้ มีตุ่มขึ้น รีบไปหาหมอทันที
•ถ้างานบุญ งานหมู่บ้านมีการฆ่าสัตว์เอง อย่าเผลอกินอะไรที่ดิบ ๆ เพราะเสี่ยงสูง

5. วัวดิบกับหมูดิบ อะไรอันตรายกว่ากัน? แล้ว Medium Rare ยังปลอดภัยไหม?

วัวดิบ แอนแทรกซ์ ถึงตายได้
•เชื้อ Bacillus anthracis อยู่ในเลือดสัตว์ ถ้าเรากินลาบดิบจากวัวที่ติดเชื้อ เราอาจตายได้ใน 2–3 วัน
หมูดิบ ถึงไม่ตายเร็ว แต่ป่วยหนัก
•เสี่ยงติดพยาธิ Trichinella ทำให้ปวดกล้ามเนื้อ บวม ตาโปน
•หรือเชื้อ Streptococcus suis ที่ทำให้เยื่อหุ้มสมองอักเสบ หูหนวกถาวร
•บางรายก็ท้องเสียหนักจาก Salmonella หรือ E. coli
แล้ว Medium Rare ล่ะ? กินได้ไหม?
อันนี้หลายคนยังเข้าใจผิดว่า ย่างแล้วก็พอ
แต่กับแอนแทรกซ์ ไม่พอครับ
•การย่างแบบ Medium Rare ทำให้ผิวเนื้อร้อนก็จริง แต่ข้างในยังอุ่น ๆ ดิบ ๆ
•สปอร์ของแอนแทรกซ์ทนความร้อนมาก ต้องใช้ไฟแรงมาก ๆ และต้องนานพอถึงจะฆ่าได้จริง
•ต้องเดือดถึง 100°C ขึ้นไป แบบต่อเนื่อง หรือถึงขั้น อบที่ 121°C นาน 15–20 นาที
เพราะฉะนั้น ถ้าไม่แน่ใจที่มาของเนื้อ หลีกเลี่ยง Medium Rare ไปก่อนเลยครับ
ฝากด้วยนะครับ แค่เนื้อดิบคำเดียวดิบคำเดียว อาจถึงตุยได้ โดยเฉพาะเนื้อวัวจากสัตว์ที่ไม่รู้ว่าป่วยหรือไม่ อย่าเสี่ยงครับ! เลือกกินเนื้อให้สุก ตรวจที่มาให้ชัวร์ ถนอมชีวิตตัวเองและคนในบ้านไว้ก่อนดีที่สุดครับ ใครมีคำถามคอมเมนต์ได้เลยนะครับ