ด.ญ.วัย 12 จู่ๆ ตัวซีด - ท้องแข็ง หมอผ่าเจอก้อนผม เกือบ 1 กิโลกรัม

ด.ญ.วัย 12 มีอาการตัวซีด - ท้องแข็ง หมอรีบพาเข้าห้องผ่าตัด ก้อนผมขนาดเกือบ 1 กิโล พบไม่ใช่เรื่องหลอน แต่อันตรายกว่าที่คิด
เมื่อไม่นานมานี้มีรายงานจาก นพ.เหงียน ดินห์ เตี๋ยน ผู้อำนวยการโรงพยาบาล Sản Nhi จังหวัดกว๋างหงาย ประเทศเวียดนาม ที่ได้เปิดเผยถึงเคสอันน่าตกใจว่า ทีมแพทย์ได้ทำการผ่าตัดนำก้อนผมขนาด 900 กรัม ออกจากกระเพาะอาหารของเด็กหญิงวัย 12 ปี ซึ่งก้อนผมนี้มีขนาดใหญ่จนแทบจะเต็มพื้นที่ในกระเพาะอาหารของเธอ
เรื่องราวเกิดจากก่อนหน้านี้ ครอบครัวของเด็กหญิงได้นำตัวเธอมาตรวจที่โรงพยาบาล เนื่องจากมีอาการตัวซีด ท้องแข็ง และรับประทานอาหารได้น้อย แพทย์แผนกศัลยกรรมได้ตรวจพบว่าหน้าท้องของเด็กมีอาการบวมเล็กน้อย และสามารถคลำพบก้อนแข็งบริเวณลิ้นปี่และชายโครงด้านซ้าย จากนั้นจึงส่งตัวไปตรวจเลือด เอกซเรย์ช่องท้อง และส่องกล้องทางเดินอาหาร
ผลการตรวจพบว่าเด็กหญิงมีภาวะเลือดออกในทางเดินอาหารที่ไม่จำเพาะเจาะจง ซึ่งเกิดจากแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น รวมถึงพบว่ามีก้อนผมขนาดใหญ่สะสมอยู่ในช่องท้องของเธอ เมื่อได้รับการวินิจฉัยแล้ว ทีมแพทย์จึงตัดสินใจทำการผ่าตัดนำก้อนผมออกจากกระเพาะอาหารของเด็กหญิง ซึ่งประสบความสำเร็จในการนำก้อนขนาด 900 กรัมออกได้อย่างปลอดภัย
สำหรับภาวะที่เกิดขึ้นนี้เรียกว่า Trichophagia หรือ ภาวะกินผม ซึ่งเป็นความผิดปกติทางพฤติกรรมการกินที่พบได้ไม่บ่อย และเกี่ยวข้องกับ โรคราพันเซล (Rapunzel Syndrome) ภาวะนี้เกิดขึ้นเมื่อเส้นผมไม่สามารถย่อยสลายได้และสะสมในกระเพาะอาหารจนเกิดก้อนผมขนาดใหญ่ (Bezoar) ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพอย่างร้ายแรงหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
อาการที่พบได้แก่ ปวดท้อง คลื่นไส้ น้ำหนักลด และปัญหาในการย่อยอาหาร ซึ่งในกรณีนี้หากก้อนผมมีขนาดใหญ่หรือมีการสะสมอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้เกิดการอุดตันในลำไส้ หรือแผลในกระเพาะอาหาร ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นลำไส้ทะลุได้ หากปล่อยทิ้งไว้อาจต้องทำการผ่าตัดเพื่อนำก้อนผมออกจากร่างกาย
การเกิดภาวะนี้มักพบในเด็กและวัยรุ่น โดยเฉพาะในผู้ที่มีภาวะย้ำคิดย้ำทำ (OCD), โรควิตกกังวล หรือโรคดึงผมตัวเอง (Trichotillomania) ซึ่งบางครั้งเด็กอาจกินผมเพื่อลดความเครียดหรือความวิตกกังวลที่เกิดขึ้น ภาวะนี้ยังสามารถเกิดจากการขาดสารอาหารบางชนิด เช่น ธาตุเหล็กหรือสังกะสีที่อาจกระตุ้นพฤติกรรมการกินสิ่งที่ไม่ใช่อาหาร (Pica) ผู้ปกครองควรสังเกตพฤติกรรมการกินผมของเด็กและหากพบพฤติกรรมดังกล่าว ควรรีบพาไปพบแพทย์เพื่อให้การรักษาทางจิตวิทยาและป้องกันภาวะแทรกซ้อนในอนาคต
ข้อมูลจาก SOHA

"อากาศเย็นคัมแบ็คทั่วไทย 8 ธ.ค. อุณหภูมิดิ่งลง 1-3 องศา"

"บอสแจ้" เผยเหตุผล คืนอิสระให้ 2 แข้งหมอนทอง หลังเพิ่งเซ็นสัญญา

ความดันสูงคือ “ประตูสู่โรคร้าย” รู้ทันเพื่อป้องกันทันเวลา

ร้องเรียนแพทย์พุ่ง 550 เรื่อง สบส.ตั้งศูนย์ไกล่เกลี่ย ช่วยปชช.
















