ศิริกัญญา ย้ำชัด เก้าอี้ประธานสภาฯ ต้องเป็นของพรรคก้าวไกล

25 พฤษภาคม 2566

ศิริกัญญา ย้ำชัด ตำแหน่งประธานสภาฯ ต้องเป็นของพรรคก้าวไกล เพื่อผลักดันกฎหมาย 45 ฉบับ ตามนโยบายที่หาเสียงไว้

   25พ.ค.66 ที่ทำการพรรคก้าวไกล อาคารอนาคตใหม่ นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล เปิดเผยถึงความคืบหน้ามนการเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาล ว่า หลังจากที่มีการเซ็นลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ได้รับการตอบรับในเชิงบวกทั้งจากพรรคร่วมรัฐบาลและประชาชนหลังจากที่เรามีความชัดเจนเรื่องจุดยืนและนโยบายของพรรค 

ศิริกัญญา ย้ำชัด เก้าอี้ประธานสภาฯ ต้องเป็นของพรรคก้าวไกล

 

และ ส.ว. มีความเข้าใจในหลักการและยอมรับที่จะโหวตนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีมากขึ้น แต่เราก็ยังต้องเดินหน้าเจรจาเป็นรายบุคคลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้เสียงสนับสนุนให้ครบ และเชื่อมั่นว่าจะได้เสียงมากพอโหวตให้นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีได้  

ศิริกัญญา ย้ำชัด เก้าอี้ประธานสภาฯ ต้องเป็นของพรรคก้าวไกล


   ทั้งนี้ก้าวไกลเดินหน้าพูดคุยหลายหน่วยงาน เช่น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งทางสภาอุตฯ ยอมรับในความสามารถและวิสัยทัศน์ของนายพิธา และนโยบายของพรรคที่จะเน้นเศรษฐกิจเพื่บเติบโตอย่างเป็นธรรม ส่งเสริมผู้ประกอบการแรงงาน ลดความเหลื่อมล้ำ และเดินหน้าต่อเนื่อง ทั้งสภาแรงงาน และสภาหอการค้า และภาคส่วนต่างๆ เพื่อเดินหน้าพูดคุยให้ทุกสายมีความเชื่อมั่นกับนโยบายของเรามากยิ่งขึ้น 


   กรณีตำแหน่งประธานสภาฯ

    ยืนยันว่า จำเป็นที่จะต้องมีตำแหน่งนี้ไว้กับพรรคก้าวไกล นอกเหนือจากการใช้อำนาจฝ่ายบริหารเรายังมี 3 วาระ ที่จะต้องได้ตำแหน่งประมุขนิติบัญญัติเช่นการ เพื่อผลักดันกฎหมาย 45 ฉบับ ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้ รวมถึงผลักดันข้อกฎหมายของพรรคการเมืองอื่น รวมถึงกฎหมายที่เสนอจากประชาชน จะสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว

ศิริกัญญา ย้ำชัด เก้าอี้ประธานสภาฯ ต้องเป็นของพรรคก้าวไกล

   เพราะที่ผ่านมา 4 ปี ตำแหน่งของประธานสภาฯ มีความสัมพันธ์มากแค่ไหนในการอำนวยความสะดวกหรือขัดขวางการออกกฏหมาย เพื่อประโยชน์ของประชาชน ดังนั้นเราจึงต้องมีตำแหน่งในส่วนนี้ ยืนยันว่าเพื่อเราจะผลักดันวาระการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยอย่างราบรื่น เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นการเปิดทางให้ไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งเป็นวาระสำคัญที่พรรคร่วมรัฐบาลเห็นด้วยเช่นเดียวกันและถูกบรรจุไว้ในเอ็มโออยู่แล้ว 

ศิริกัญญา ย้ำชัด เก้าอี้ประธานสภาฯ ต้องเป็นของพรรคก้าวไกล

ส่วนตำแหน่งประธานสภาฯ จะทำให้พรรคเพื่อไทยถอนตัวหรือไม่นั้น เชื่อมั่นว่า พรรคเพื่อไทยน่าจะเล็งเห็นความหวังที่พี่น้องประชาชน และมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่ถอนตัวและจะอยู่ร่วมรัฐบาลกับพรคคก้าวไกลต่อไป ไม่ว่าจะมีตำแหน่งประธานสภาหรือไม่ก็ตาม จากการได้ลงนาม MOU ร่วมกันมาแล้ว พร้อมย้ำว่า ปรากฎการณ์แทงข้างหลังจะไม่มีอย่างแน่นอนจากพรรคก้าวไกล ส่วนข้อกังวลต่างๆ สามารถพูดคุยกันได้

ส่วนวาระต่อมา คือการผลักดันให้เกิดรัฐสภาที่โปร่งใส สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน ที่ผ่านมาจะได้ยินมาบ้างแล้วเรื่องการผลักดันมีการถ่ายทอดสดการประชุมในชั้นกันกรรมาธิการ และอนุกรรมาธิดาร เพราะหลายครั้งเราถูกต่อต้าน จัดตั้งสภาเยาวชนเพื่อฟังเสียงของเยาวชนที่ยังไม่มีสิทธิ์ในการเลือกตั้งในปัจจุบัน แต่เสียงของพวกเขามีความสำคัญ เพื่อมีที่ทางให้พวกเขาได้แสดงออกโดยต้องขึ้นตรงกับสำนักงานเลขาสภาผู้แทนราษฎร 

ศิริกัญญา ย้ำชัด เก้าอี้ประธานสภาฯ ต้องเป็นของพรรคก้าวไกล

 

ส่วนจำนวน ส.ส. ลดลงจากการประกาศของ กกต. แบบแบ่งเขตจาก 113 ที่นั่งลดเหลือ 112 ที่นั่ง ซึ่งทางพรรคเห็นข้อผิดพลาดตรงนี้อยู่แล้ว ดังนั้น ยืนยันจำนวน ส.ส. ของพรรคก้าวไกลจะอยู่ที่ 151 ที่นั่งรวมกับพรรคร่วม 312 ที่นั่ง ซึ่งทางพรรคไม่กังวลและเชื่อว่าไม่กระทบกับการจัดตั้งรัฐบาล 

นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า ในช่วงนี้จะยังคงเดินหน้าการเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ และหารือพูดคุนบนโยบายที่เห็นต่างอื่นๆ ทั้งกระบวนการและวิธีการจะต้องมีการหารือต่อไป เช่น เรื่องการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 450 บาท ซึ่งขณะนี้พรรคเพื่อไทยไม่ขัดข้องหากก้าวไกลจะดำเนินการในเรื่องนี้ ขณะที่นโยบายดิจิทัลวอเล็ต 1 หมื่นบาทของพรรคเพื่อไทย ก็ต้องพูดคุยว่าจะดำเนินการในนโยบายนี้หรือไม่ ซึ่งต้องพูดคุยหาข้อสรุปเพื่อเสนอต่อรัฐสภา 

ประเด็นกัญชา 

จะนำกลับไปเข้าไปในบัญชียาเสพติด โดยจะมีการออกประกาศของกระทรวงสาธารณสุข มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เจ้าพนักงานยาเสพติดทั้งตำรวจและปปส. สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้เข้าใจถึงข้อกังวลการคุ้มครอง ไม่ใช่เพียงแค่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายนี้ แต่จะมีการคุ้มครองผู้ประกอบการ และผู้ปลูกที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฏหมายทุกประการ แต่นโยบายดังกล่าวนี้เกิดสุญญากาศ และไม่มีกฎหมายออกมาควบคุมอย่างทันท่วงทีจำเป็นที่จะต้องคุ้มครองผู้ประกอบการ และยืนยันว่าเราจะดูแลไม่ให้เกิดผลกระทบกับผู้ที่ทำถูกต้องตามกฏหมายอย่างแน่นอน ซึ่งจะต้องมีการพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลต่อ 

 

ส่วนข้อพิพาทนายระหว่าง หมอชลน่าน  กับ น.ต.ศิธา 

มองว่า ทั้งสองคนเป็นผู้ใหญ่กันทั้งคู่ การที่มีข้อพิพาทกันสามารถที่จะคลี่คลายไปแนวทางที่ดีได้เมื่อทั้งสองฝ่ายอารมณ์เย็นลง และได้มีการพูดคุยกันและไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นปัญหาในการร่วมงานกันต่อในอนาคต ส่วนหากนายแพทย์ชลน่าน อยากให้ก้าวไกลเป็นตัวกลาง ก็ยืนดี 

สำหรับความคืบหน้าในการเจรจากับ ส.ว.ทั้งผ่านสื่อสาธาณะและการเจรจาส่วนบุคคล ขณะที่ตัวเลขอยู่ที่ 16-20 คนที่จะยกมือโหวตให้นายพิธา ซึ่งเป็นสัญญาณในทิศทางบวก ทำให้มั่นใจว่าน่าจะได้เสียงครบถ้วนในการจัดตั้งรัฐบาลได้

 

ส่วนการที่ กกต.รับรองผลได้เร็วขึ้น ทางพรรคก็จะเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วขึ้นจากเดิมที่คาดว่าไม่ต่ำกว่า 45 วัน โดยคาดการณ์ถ้าไม่มีปัญหาอื่นๆ มาแทรก ว่าน่าจะเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาลได้ข้อยุติภายใน 2 สัปดาห์น่าจะจบเรื่อง

 

ส่วนกรณีที่นายเรืองไกร ยื่น กกต.ให้ยุบ 8 พรรคจากการลงนาม MOU ระบุว่า ไม่มีความกัวงลใดๆ เพราะการลงนามไม่มีผลทางกฎหมาย  ยืนยันว่าความเห็นต่างเป็นเรื่องธรรมชาติ การเจรจาพูดคุยยังทำต่อเนื่องเพื่อให้ความเข้าใจผิดจะสามารถคลี่คลายได้

 

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการวางตัวเองใน ครม. ตอนนี้เดินหน้าในคณะเจรจา ส่วนที่ตัวเองมีชื่อติดโผ ครม. รัฐบาลใหม่ ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นั้น หากเป็นมติของพรรค พรรคมอบหมาย และไว้วางใจ ตนก็พร้อมที่จะรับตำแหน่ง