สรยุทธ โพสต์เศร้า "ไม่มีปาฏิหาริย์" หลัง “หงส์แดง” พ่าย “ราชันชุดขาว”

16 มีนาคม 2566

สรยุทธ สุทัศนะจินดา โพสต์เศร้า หลังจาก ลิเวอร์พูล ถูก เรอัล มาดริด ถลมส่งผลให้ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายในการแข่งขัน UCL

นับว่าเป็นเป็นอีกวันที่แสนมัวหมองของแฟนๆ ลิเวอร์พูล (LIVERPOOL) หลังจากเมื่อคืนที่ผ่านมา (15 มกราคม 2566) ลิเวอร์พูล ได้บุกไปพ่ายให้กับ เรอัล มาดริด (Real Madird) ที่สนามกีฬาซานเตียโก เบร์นาเบว (EStadio Santiago Bernab?u Yeste Real Madird)ซึ่งเป็นรังเหย้าของราชันชุดขาว ซึ่งเกมนี้ “ลิเวอร์พูล” ได้พ่ายให้ “เรอัล มาดริด” 0 ประตูต่อ 1

 

สรยุทธ โพสต์เศร้า "ไม่มีปาฏิหาริย์" หลัง “หงส์แดง” พ่าย “ราชันชุดขาว”

 

โดยนักแรก ลิเวอร์พูล เคยพ่ายให้กับ เรอัล มาดริด ในถิ่นแอนฟิลด์ (Anfield) 2 – 5 ซึ่งเกมนั้นหงส์แดงสามารถขึ้นนำได้ก่อน 2 ลูก ก่อนจะโดนถลุง 5 ลูกรวด ทำให้เสียเปรียบอย่างมาก เพราะการไปเยือนในนัดที่ 2 เครื่องจักรสีแดงต้องยิงให้ได้อย่างน้อย 3 ลูก เพื่อตีเสมอและต่อเวลาพิเศษ และต้องยิงให้ได้ 4 ลูกเพื่อการันตีชัยชนะ และไม่เสียประตูก่อน

สรยุทธ โพสต์เศร้า "ไม่มีปาฏิหาริย์" หลัง “หงส์แดง” พ่าย “ราชันชุดขาว”


ทว่าปาฏิหาริย์ ก็ไม่มีอยู่จริง หลังหงส์แดงได้พ่ายให้กับราชันชุดขาวอีกรอบ กลายเป็นการย้ำชัยชนะให้กับเรอัล มาดริด ที่สามารถผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (UEFA Champions League) ทำเอาแฟนๆ หงส์แดง ถึงกับเซ็งกันไปตามๆ กัน

สรยุทธ โพสต์เศร้า "ไม่มีปาฏิหาริย์" หลัง “หงส์แดง” พ่าย “ราชันชุดขาว”

ซึ่งนักข่าวพิธีการเบอร์ต้นๆของไทยอย่าง “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” ที่เป็นแฟนหงส์ตังยงถึงกับโพสต์เฟซบุ๊กตัดพ้อหลัง “ลิเวอร์พูล” ถูก “เรอัล มาดริด” ถล่มจนตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยสรยุทธได้โพสต์ว่า "ไม่มีปาฏิหาริย์ครับ …รวม 2 นัด 6-2" พร้อมรูปภาพที่มีการระบุว่า "#ChampionsLeague Real Madird 1 - 0 LIVERPOOL" ก่อนที่ช่วงเช้า สรยุทธ จะโพสต์ข้อความบอกอีกว่า "เจ็บย้ำน้ำใจ …" บนภาพที่มีตัวเลขเพียงว่า "1-0"
 

สรยุทธ โพสต์เศร้า "ไม่มีปาฏิหาริย์" หลัง “หงส์แดง” พ่าย “ราชันชุดขาว”

สรยุทธ โพสต์เศร้า "ไม่มีปาฏิหาริย์" หลัง “หงส์แดง” พ่าย “ราชันชุดขาว”

จากผลการแข่งขันดังกล่าวทำให้ ลิเวอร์พูล โดนเขี่ยตกรอบ และตอนนี้ได้ครบแล้ว 8 ทีมเข้ารอบ UCL ที่จะไปชิงชัยกันต่อไป ได้แก่

  1. เบนฟิก้า (โปรตุเกส)
  2. เชลซี (อังกฤษ)
  3. บาเยิร์น มิวนิค (เยอรมัน)
  4. เอซี มิลาน (อิตาลี)
  5. แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (อังกฤษ)
  6. อินเตอร์ มิลาน (อิตาลี)
  7. เรอัล มาดริด (สเปน)
  8. นาโปลี (อิตาลี)

ทั้งนี้ทั้ง 8 ทีมที่ผ่านเข้ารอบต้องจับฉลากันต่อไป เพื่อหาคู่แข่งขันในรอบรองชนะเริสต่อไป โดยการจับฉลากจับคู่ในครั้งนี้จะเกิดขึ้นใน วันศุกร์ที่ 17 มีนาคม 2566 เวลา 18.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ซึ่งจะจัดที่สำนักงานใหญ่ของยูฟ่า ในเมืองนียง ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และเช่นเดียวกับรอบก่อนรองชนะเลิศ ที่ยูฟ่าจะทำการวางเส้นทางประกบคู่วางไปถึงรอบรองชนะเลิศไปพร้อมกันเลยในการจับสลากวันที่ 17 มีนาคม ซึ่งจะทำให้เราเห็นความเป็นไปได้ของคู่ชิงชนะเลิศในปีนี้ ซึ่งจะเป็นการกำหนดทีมเหย้าและเยือนในนัดชิงชนะเลิศอีกด้วย

สรยุทธ โพสต์เศร้า "ไม่มีปาฏิหาริย์" หลัง “หงส์แดง” พ่าย “ราชันชุดขาว”