"ตำรวจคลั่งกราดยิงสายไหม" ยังไม่ยอมมอบตัว รองต่อ ตอบชัดเหตุไม่บุกชาร์จ

ผ่านไปกว่า 24 ชั่วโมงแล้ว และยังคงต้องเกาะติดสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง สำหรับกรณี "สารวัตรคลั่งกราดยิงสายไหม" ภายในซอยจิระมะกร เขตสายไหม กทม. ซึ่งผู้ก่อเหตุคือ พ.ต.ท.กิตติกานต์ แสงบุญ อายุ 51 ปี ตำแหน่งสารวัตร สังกัดศูนย์พัฒนาด้านการข่าว บช.สันติบาล ล่าสุดยังไม่มีรายงานว่า สารวัตรคลั่งจะมอบตัวแต่อย่างอย่างใด อีกทั้งยังมีเสียงปืนดังขึ้นมาเป็นระยะๆ อีกครั้งในช่วงเช้าวันนี้ (15มี.ค.66)

ทั้งนี้ เมื่อคืนที่ผ่านมา เวลา 02.00 น. เจ้าหน้าที่หน่วยอรินทราชและคอมมานโดสนธิกำลังเข้าปิดล้อม โดยวางกำลังทั้งด้านหน้าและด้านหลังบ้านพักของสารวัตรกานต์ กระทั่งเวลา 02.30 น.เจ้าหน้าที่ระดมยิงแก๊สน้ำตา กว่า 20 ลูกอย่างเป็นระยะๆ เข้าไปในบ้านพักของ พ.ต.ท.กิตติกานต์ แสงบุญ หรือสารวัตรคลุ้มคลั่ง ทำให้เกิดกลุ่มควันฟุ้งกระจายทั่วและเกิดเสียงกระจกแตก 

ท่ามกลางบรรยากาศสื่อมวลชนที่ปักหลักรออยู่ต่างหลบหนีและกลิ่นควันแก๊สน้ำตา ส่งผลกระทบต่อชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่มีการบุกเข้าชาร์จตัวสารวัตรกานต์แต่อย่างใด ซึ่งมีรายงานอ้างคำให้สัมภาษณ์ของเพื่อนสารวัตรคนนี้ที่บอกว่า "สารวัตรกานต์มีอาการป่วยทางจิต" โดย สารวัตรกานต์ ได้โทรศัพท์ให้มารับที่บ้าน แต่เมื่อมาถึง สารวัตรกานต์ ได้ชักปืนยิงออกมาจากภายในบ้านเป็นระยะ

 

 

• "สารวัตรคลั่ง" ยังไม่ยอมมอบตัว จนท.ร้องเพลง จดหมายจากแนวหน้า กล่อม
• สารวัตรคลั่ง ยังไม่ยอมมอบตัว ได้ยินเสียงปืนอีกรอบ จนท.เตรียมยิงแก๊สน้ำตา
• เปิดแชท "สารวัตร" คุยแปลกๆ กับเจ้าของบ้านเช่า ก่อนเกิดเหตุคลั่ง

แม้ตำรวจจะได้รับแจ้งเหตุเมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 14 มี.ค. แต่มีรายงานว่า เกิดเหตุกราดยิงสายไหมมาตั้งแต่เวลาประมาณ 8.00 น. แล้ว ซึ่งหลังจากตำรวจได้รับแจ้งเหตุ และนำกำลังเข้าปิดล้อมเพื่อระงับเหตุ เมื่อเวลา 12.30 น. ของวันเดียวกัน สารวัตรกานต์ ได้ถือปืนออกมาจากภายในบ้าน พร้อมตะโกนด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นระยะ

ด้านตำรวจพยายามเจรจาเกลี้ยกล่อมให้ยอมมอบตัว แต่เจ้าตัวยิงปืนสวนออกมาหลายสิบนัด ทำให้ประชาชนในพื้นที่แตกตื่น จนเมื่อเวลา 16.10 น. พล.ต.ต. ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน บช.น.ในฐานะอดีตเคยเป็นผู้บังคับบัญชาในสังกัด เข้าเจรจา ท่ามกลางสื่อมวลชนที่เข้าไปติดตามหลายสำนัก

 

ทั้งนี้ระหว่างการเจรจาเกลี้ยกล่อม เจ้าหน้าที่และอาสากู้ภัย ก็ได้เร่งอพยพประชาชนในพื้นที่ออกไป เพื่อความปลอดภัย โดยจนถึงเวลานี้ ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ หรือเสียชีวิต แม้จะเจ้าหน้าที่จะพาลูกชาย และแม่ของสารวัตรกานต์ เข้าเกลี้ยกล่อม แต่การเจรจาก็ยังไม่เป็นผล

 

พร้อมกันนี้จากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่จึงได้ทราบว่า "สารวัตรกานต์ มีภาวะทางจิต ขาดราชการหลายวัน โดยมักจะเห็นเขาถือโทรศัพท์ ใส่หูฟังพูดคนเดียว และตะโกนด่าทอไปเรื่อย บางวัน จะใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้า สร้างความหวาดผวาให้เพื่อนบ้านไปทั่ว"

 เหตุการณ์ผ่านไป 24 ชั่วโมง "ตำรวจกราดยิงสายไหม" ตอนนี้ เจ้าหน้าที่หน่วยอรินทราช 26 และหน่วยคอมมานโด ยังปิดล้อมบ้านพักของสารวัตรรายนี้ ซึ่งเมื่อช่วง เวลา 02.00 น. ของเช้าวันที่ 15 มี.ค. 66 ที่เจ้าหน้าที่ได้ระดมยิงแก๊สน้ำตาทะลุกระจกบานเกร็ดเข้าไปในตัวบ้าน โดยตลอด 1 ชั่วโมง ยิงใส่เข้าไปแล้ว 32 ลูก แต่ก็ไม่มีการตอบโต้แต่อย่างใด จึงคาดว่า สารวัตรกานต์หลบซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำชั้น 2 เพื่อหลบแก๊สน้ำตา

 

ผลของการใช้แก๊สน้ำตา กระทบต่อชาวบ้านในพื้นที่ เกิดการสำลักแก๊สน้ำตา เจ้าหน้าที่จึงต้องเข้าปฐมพยาบาล และให้ประชาชนออกจากพื้นที่ กระทั่งเวลา 06.40 น. เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ถอนกำลังออกจากพื้นที่ชั่วคราว เพื่อวางแผนใหม่ แต่ยังใช้เครื่องขยายเสียงเจรจาอย่างต่อเนื่อง

ด้าน พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เดินทางเข้าถึงพื้นที่ เพื่อบังคับบัญชาสถานการณ์ด้วยตนเองแลเวตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค. 66 ซึ่งพล.ต.อ. ต่อศักดิ์ ยืนกรานว่า ห้ามใช้ความรุนแรง เพราะสารวัตรกานต์ ไม่ใช่อาชญากร แต่เป็น "ผู้ป่วยทางจิต" ต้องได้รับการบำบัด

 

พร้อมกันนี้ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า สาเหตุที่เกิดการคลุ้มคลั่งเป็นปัญหาส่วนตัวเสียส่วนใหญ่ "ประกอบกับปัญหาทางจิตเวชที่เป็นอยู่แล้ว และปัญหาความกดดันในหมู่บ้าน จึงเป็นจุดที่ทำให้เกิดอาการคลุ้มคลั่งหรือไม่ จึงอยากฝากถึงสารวัตรว่า หากฟังอยู่ขอให้ไว้ใจเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า เข้ามาช่วย ไม่ได้เข้ามาทำร้าย"

 

 ล่าสุดวันนี้ (15 มี.ค.) มีรายงานเพิ่มเติมว่า พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ จะเข้าพื้นที่อีกครั้ง และจะพยายามยุติสถานการณ์ให้แล้วเสร็จภายในวันนี้