ก้าวไกล แฉ ศักดิ์สยาม ซุกหุ้นใช้ลูกจ้างเป็นนอมินี ดันบริษัทรับงาน ก.คมนาคม

19 กรกฎาคม 2565

ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ65 เดือด "ปกรณ์วุฒิ"พรรคก้าวไกล แฉยับ"ศักดิ์สยาม"ซุกหุ้นก่อนขึ้นเป็นรัฐมนตรี ใช้ลูกจ้างเป็นนอมินี ดันเอาบริษัทตัวเองรับงาน กระทรวงคมนาคม


  ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ65เดือด  โดยวันที่19ก.ค.65 การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล  ซึ่งทางด้าน นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล  จังหวัดเชียงใหม่  ได้ขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 

    โดยนายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า นายศักดิ์สยาม ปกปิดทรัพย์สินของตัวเอง แจ้งทรัพย์สินเป็นเท็จ ในส่วนที่เป็น ห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น ก่อตั้งในปี 2539 โดยใช้ลูกจ้างเป็นนอมินี และจงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายเพื่อให้ตนเองมีส่วนได้รับผลประโยชน์จากโครงการต่างๆ ของรัฐ โดยมี ตระกูลชิดชอบ ถือหุ้น 80% และที่ตั้งสำนักงานก็คือบ้านของ นายศักดิ์สยาม ในขณะนั้น เมื่อมีตำแหน่งทางการเมือง ได้ออกจากการเป็นผู้ถือหุ้นหจก. นี้ทั้งหมด และย้ายสำนักงานไปที่อื่น

ก้าวไกล แฉ ศักดิ์สยาม ซุกหุ้นใช้ลูกจ้างเป็นนอมินี ดันบริษัทรับงาน ก.คมนาคม

 

ทว่าในยุครัฐบาลคสช.กลับพบว่า  นายศักดิ์สยาม  ได้กลับมาเป็นผู้ถือหุ้นเกือบทั้งหมดของ บุรีเจริญซึ่ง ในปี 2558 โดยเพิ่มทุนเป็น 120 ล้านบาทและย้ายที่ตั้งสำนักงานมาที่บ้านหลังใหม่ของตัวเอง ก่อนที่ในปี2561 นายศักดิ์สยามก็โอนหุ้นทั้งหมด และย้ายที่ตั้งสำนักงานบุรีเจริญออกจากบ้านของตัวเอง ก่อนรับตำแหน่งรัฐมนตรีเพียง 23 วัน ซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นการโอนหุ้นในลักษระของนอมินี

 

“จากข้อมูลที่ได้รับไม่พบหลักฐานว่ามีการชำระเงินค่าหุ้นเลย หากมีการซื้อขายกันจริง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายต่ำกว่า สูงกว่าราคาทุนที่ 120 ล้านบาท นายศักดิ์สยาม หรือ ผู้ถือหุ้นคนใหม่ ก็จำเป็นต้องยื่นมูลค่าหุ้นส่วนเกินเป็นรายได้เพื่อเสียภาษีหรือหากซื้อขายเท่าราคาทุน นายศักดิ์สยาม ก็ต้องระบุเงินที่ได้จากการขายหุ้นเป็นทรัพย์สินต่อ ปปช. แต่ก็ไม่ปรากฏเงินก้อนนี้ในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่น ปปช. ในปี 2562”


  นายปกรณ์วุฒิ ยังกล่าวอีกว่า ในปี 2562 นายศักดิ์สยาม ยื่นทรัพย์สินในการเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. ว่ามีทรัพย์สินอยู่ที่ 115 ล้านบาท ไม่มีหนี้สิน มีเงินสดบวกเงินฝากอยู่ประมาณ 76 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่นๆ เกือบทั้งหมดระบุว่าได้มาก่อนปี 61 แทบทั้งสิ้น คำถามคือ เงิน 120 ล้านบาทก้อนนี้หายไปไหน

ก้าวไกล แฉ ศักดิ์สยาม ซุกหุ้นใช้ลูกจ้างเป็นนอมินี ดันบริษัทรับงาน ก.คมนาคม

นอกจากนี้ยังพบว่า ยังมีการนำ หจก. บุรีเจริญ มาเป็นคู่สัญญากับรัฐ รับงานในกระทรวงคมนาคมที่ตัวเองเป็นรัฐมนตรี เป็นมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท โดยหลายงานก็มีความผิดปกติ คือ ราคาที่ชนะประมูลต่ำกว่าราคากลางเฉลี่ยไม่ถึง 0.3% และมีคู่เทียบเพียงรายเดียว และยังเป็นบริษัทที่บริจาคเงินให้พรรคภูมิใจไทย 5 ล้านบาทในปี 2562

จากข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ผู้ที่เป็นผู้ถือหุ้นและกรรมการในธุรกิจ 4 แห่ง แต่มีสถานะทิ้งร้างไป 3 แห่ง ส่วนอีกแห่งที่เหลือไม่มีรายได้เลยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และข้อมูลจากประกันสังคมและกรมสรรพากรในช่วงปี 2558-2563 ยังพบว่า มีการแสดงรายได้เพียงปีละประมาณ 100,000 บาท หรือเดือนละ 9,000 บาทเท่านั้น ซึ่งเป็นเงินเดือนที่ได้รับจาก บริษัท ศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991) ธุรกิจครอบครัวของตระกูลชิดชอบ มาตั้งแต่ปี 2558 ไล่เลี่ยกับช่วงที่ นายศักดิ์สยาม เป็นกรรมการบริษัท ศิลาชัย

ก้าวไกล แฉ ศักดิ์สยาม ซุกหุ้นใช้ลูกจ้างเป็นนอมินี ดันบริษัทรับงาน ก.คมนาคม

  นอกจากนี้ งบดุลของบริษัทศิลาชัยในปี 2561-2562 ยังระบุว่า ลูกจ้างคนนี้กลายมาเป็นเจ้าหนี้เงินกู้ระยะยาว 221.5 ล้านบาทของบริษัท จนปี 2564 สรุปสุดท้าย บริษัทนี้เป็นหนี้ลูกจ้างอยู่ 250.2 ล้านบาท และในขณะที่บริษัทศิลาชัยจะขาดทุนและติดหนี้ก้อนโตกับคนนี้ ในปี 2562 บริษัทศิลาชัยยังบริจาคให้พรรคภูมิใจไทยไป 4.7 ล้าน ก็บริจาคให้พรรคไปอีก 2.77 ล้านบาท พร้อมกับให้ หจก.บุรีเจริญ ที่ตัวเองเป็นเจ้าของ บริจาคให้พรรคไป 4.8 ล้านบาท และในปี 2563-2564 ยังให้บริษัทศิลาชัย กู้เพิ่มอีก 100 กว่าล้านบาท โดยทั้งหมดเป็นการกู้เงินไม่มีสัญญา ไม่คิดดอกเบี้ยใดๆ

ก้าวไกล แฉ ศักดิ์สยาม ซุกหุ้นใช้ลูกจ้างเป็นนอมินี ดันบริษัทรับงาน ก.คมนาคม

   “ถ้าเราลองเปลี่ยนชื่อ พฤติการณ์นี้ทั้งหมดจาก นายเอ เป็น นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ และบริษัทศิลาชัยเป็นเหมือนกงสี ทุกอย่างก็ดูเรียบง่าย ตัวเลขกำไรขาดทุนก็อาจไม่สำคัญมากนัก ถึงบริษัทจะขาดทุนและเป็นหนี้อยู่เป็นร้อยล้าน แต่ก็เป็นหนี้คนในครอบครัว เอาเงินไปบริจาคให้พรรคการเมืองตัวเองก็เป็นเรื่องที่ไม่แปลกอะไร” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว