ครม.มีมติแต่งตั้ง "นพ.โอภาส" ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงสาธารณสุข

12 กรกฎาคม 2565

ครม.มีมติแต่งตั้ง "นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์" ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงสาธารณสุข แทน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ที่จะเกษียณอายุราชการ

วันที่ 12 ก.ค. 2565 มีรายงานว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบตามที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข เสนอแต่งตั้ง นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงสาธารณสุข แทน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.นี้ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.65 เป็นต้นไป

 

ครม.มีมติแต่งตั้ง นพ.โอภาส ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงสาธารณสุข

ประวัติ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์  เกิดเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2507 จบการศึกษาปริญญาแพทยศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยมหิดล สาขาวิชาการที่มีความชำนาญพิเศษ เวชศาสตร์ป้องกัน,ระบาดวิทยา ได้รับการยกย่องชูเกียรติวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญในการ ประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาอายุรศาสตร์ แพทยสภา, อนุมัติบัตรแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาเวชศาสตร์ป้องกัน แขนงระบาดวิทยา แขนงเวชศาสตร์การเดินทางและการท่องเที่ยว แพทยสภา

ครม.มีมติแต่งตั้ง นพ.โอภาส ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงสาธารณสุข

อบรมหลักสูตร นักบริหารระดับสูง : ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และคุณธรรม รุ่นที่ 63 สำนักงานคณะกรรมข้าราชการพลเรือน, อบรมหลักสูตร Public Health Emergency Response Management US – CDC สหรัฐอเมริกา และอบรมหลักสูตร วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 60

สำหรับประวัติการทำงาน เคยดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงพยาบาล (ชุมชน) บึงบูรพ์ จ.ศรีสะเกษ, หัวหน้ากลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาล (ทั่วไป) อำนาจเจริญ จ.อำนาจเจริญ, อายุรแพทย์ โรงพยาบาล(ศูนย์) สรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี

ผอ.ศูนย์กามโรคและโรคเอดส์ เขต 7 จ.อุบลราชธานี, ผอ.สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 8 จ.นครสวรรค์, ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข, รองอธิบดีกรมควบคุมโรค, ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 3

รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (ด้านพัฒนาการสาธารณสุข), อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

นอกจากนี้ยังเคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย, กรรมการ สมาคมนักบริหารโรงพยาบาลแห่งประเทศไทย และกรรมการมูลนิธิราชประชาสมาสัยในพระบรมราชูปถัมภ์อีกด้วย

 

ครม.มีมติแต่งตั้ง นพ.โอภาส ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงสาธารณสุข

 

ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews