เช็กสัญญาณเตือน 8 อาการ "โอไมครอน" ที่พบมากที่สุด หากเข้าข่ายให้รีบตรวจ

24 กุมภาพันธ์ 2565

เช็กสัญญาณเตือน 8 อาการป่วยโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน (Omicron) ที่พบมากที่สุด หากเข้าข่ายให้รีบตรวจหาเชื้อทันที่

ยังคงต้องจับตามองกับสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย วันนี้ 24 ก.พ. 65 ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 23,557 ราย หายป่วยวันนี้ 16,131 ราย และ เสียชีวิต 38 ราย ซึ่งสร้างสถิตินิวไฮ และยังมีเรื่องของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน หรือ โอมิครอน (Omicron) ที่สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วที่สร้างความกังวลให้กับประชาชน

เช็กสัญญาณเตือน 8 อาการ "โอไมครอน" ที่พบมากที่สุด หากเข้าข่ายให้รีบตรวจ

โดยก่อนหน้านี้ทาง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เคยได้เผยถึงอาการป่วยของโควิดสายพันธุ์โอไมครอน หรือ โอมิครอน (Omicron) ว่า สายพันธุ์ดังกล่าวสามารถแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว โดย 8 อาการที่พบมากที่สุด คือ

1. อาการไอ 54 %

2. เจ็บคอ 37 %

3. มีไข้ 29 %

4. ปวดกล้ามเนื้อ 15 %

5. มีน้ำมูก 12 %

6. ปวดศีรษะ 10 % 

7. หายใจลำบาก  5 %

8. ได้กลิ่นลดลงมีเพียง  2 %

และพบว่า 48% ไม่มีอาการ

เช็กสัญญาณเตือน 8 อาการ "โอไมครอน" ที่พบมากที่สุด หากเข้าข่ายให้รีบตรวจ

 

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 65 ที่ผ่านมา นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงโรคโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอน ว่า องค์การอนามัยโลกเผยข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565 ว่า ไวรัสโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอน BA.2 แม้จะแพร่ระบาดได้ง่ายกว่าสายพันธุ์ BA.1 เดิม แต่จากการพิจารณาของคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญถึงข้อมูลตัวอย่างผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ BA.2 จากหลายประเทศ ไม่พบความรุนแรงที่แตกต่างหรือมากไปกว่าสายพันธุ์ BA.1 แต่อย่างใด ข้อมูลนี้ช่วยลดความกังวลให้แก่ประเทศต่างๆ ที่สายพันธุ์ BA.2 กำลังแพร่ระบาดอย่างกว้างขวาง เช่น เดนมาร์ก เป็นต้น รวมถึงประเทศไทยที่พบว่าสายพันธุ์ BA.2 มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน

เช็กสัญญาณเตือน 8 อาการ "โอไมครอน" ที่พบมากที่สุด หากเข้าข่ายให้รีบตรวจ

นพ.รุ่งเรืองกล่าวต่อว่า ขณะนี้ข้อมูลของเชื้อไวรัสโควิด 19 สอดคล้องกับการปรับตัวเข้าสู่การเป็น "โรคประจำถิ่น หรือโรคติดต่อตามฤดูกาล" คือความรุนแรงลดลงมาก พบผู้เสียชีวิตน้อยกว่า 1 รายต่อผู้ติดเชื้อ 1,000 ราย และผู้ที่มีอาการรุนแรง น้อยกว่า 5 ราย จากผู้ป่วย 1,000 ราย อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การติดเชื้อในประเทศไทยขณะนี้ยังมีแนวโน้มสูงขึ้น จึงขอให้ประชาชนยังคงมาตรการป้องกันตนเอง และเข้ารับวัคซีนโควิด 19 เข็มกระตุ้นตามกำหนด รวมทั้งขอความร่วมมือทุกภาคส่วนปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข

 

ขอบคุณ กระทรวงสาธารณสุข