สธ. ชี้เแจง เด็ก 12 ปี เสียชีวิตหลังรับวัคซีนโควิด พบไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน

20 กุมภาพันธ์ 2565

สธ. ชี้เแจงกรณีเด็กชายอายุ 12 ปี เสียชีวิตหลังรับวัคซีนโควิด 19 เป็นเหตุการณ์ร่วมที่เกิดในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน

กระทรวงสาธารณสุข เผย กรณีเด็กชายอายุ 12 ปี เสียชีวิตหลังรับวัคซีนโควิด 19 คณะผู้เชี่ยวชาญพิจารณาร่วมกับแพทย์ผู้ดูแล พบไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน แต่เป็นเหตุการณ์ร่วมที่บังเอิญเกิดในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน โดยประเทศไทยฉีดวัคซีนโควิด 19 ไปแล้วกว่า 120 ล้านโดส มีผู้มีอาการไม่พึงประสงค์ร้ายแรงที่เกี่ยวข้องกับวัคซีน 116 ราย เสียชีวิต 4 ราย ซึ่งอาการไม่พึงประสงค์อย่างรุนแรงสามารถเกิดขึ้นได้แต่พบในอัตราที่ต่ำกับวัคซีนทุกชนิด

สธ. แจงปม เด็กชาย 12 ปี เสียชีวิตหลังรับวัคซีนโควิด พบไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน

 

สำหรับกรณีเด็กชายอายุ 12 ปีที่เสียชีวิตเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2565 หลังฉีดวัคซีนไฟเซอร์เข็มที่ 1 เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2565 จากการสอบสวนโรคพบว่า หลังฉีด 30 นาที ไม่มีอาการผิดปกติ เมื่อกลับบ้านมีอาการไข้ และปวดเมื่อยตามตัว ปวดขาข้างซ้าย จากนั้นวันที่ 28 มกราคม มีอาการปวดเข่า เดินไม่ถนัด เข้ารับการรักษาที่คลินิก แต่อาการไม่ดีขึ้น ปวดขาทั้งสองข้างและขาอ่อนแรงมากขึ้น จึงไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชน ตรวจพบมีไข้สูง ขามีรอยจ้ำเขียว ยกไม่ขึ้น ไม่พบรอยบวมแดงบริเวณที่ฉีดวัคซีน แพทย์สงสัยภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด จึงส่งต่อโรงพยาบาลกระบี่ ได้รับยาปฏิชีวนะและสารน้ำทางเส้นเลือด อาการไม่ดีขึ้นและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

สธ. แจงปม เด็กชาย 12 ปี เสียชีวิตหลังรับวัคซีนโควิด พบไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน

จากผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการพบเม็ดเลือดขาวสูง การเพาะเชื้อจากเลือดพบเชื้อแบคทีเรีย Staphylococcus aureus ซึ่งผลการพิจารณาโดยคณะผู้เชี่ยวชาญร่วมกับแพทย์ที่ดูแล สรุปว่าผู้ป่วยเสียชีวิตจากภาวะเข่าอักเสบจากการติดเชื้อ ร่วมกับติดเชื้อในกระแสเลือด (Septic arthritis, septic shock) โดยไม่พบลักษณะของการติดเชื้อบริเวณที่ฉีดวัคซีน และเมื่อพิจารณาประวัติ ร่วมกับข้อมูลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ สรุปว่า ไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีนแต่เป็นเหตุการณ์ร่วมที่บังเอิญเกิดในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน

 

ทั้งนี้ การตรวจสอบอาการไม่พึงประสงค์หลังการได้รับวัคซีน เป็นระบบที่กระทรวงสาธารณสุขได้เก็บรวบรวมและนำข้อมูลมาเพื่อตรวจสอบหาแนวทางเฝ้าระวังหรือเปลี่ยนการปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าวัคซีนโควิด 19 ที่ประเทศไทยนำมาฉีดให้กับประชาชนมีความปลอดภัย ช่วยลดความเสี่ยงจากการเสียชีวิต หรือป่วยหนักจากโรคโควิด 19 ได้ จึงขอให้ประชาชนที่เข้าเกณฑ์การฉีดวัคซีนไปรับการฉีดวัคซีนให้มากที่สุดทั้งเข็มที่ 1 เข็มที่ 2 และเข็มกระตุ้น