สถานการณ์โควิด-19 สายพันธุ์ "โอไมครอน" หรือ "เดลต้า" อาการเป็นแบบไหน

สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยนี้ยังต้องจับตามอง เพราะยอดผู้ติดเชื้อนั้นสูงขึ้น วันที่ 14 ก.พ. 65 ผู้ป่วยรายใหม่ 14,900 ราย , หายป่วย 9,810 ราย , เสียชีวิต 26 ราย

ซึ่ง วันนี้จะมาพาสังเกตอาการโควิดของแต่ละสายพันธุ์ว่ามีอาการแตกต่างกันอย่างไร โดยจากข้อมูลจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ระบุไว้ดังนี้

- สายพันธุ์ S หรือสายพันธุ์ที่ระบาดในระลอกแรกของประเทศไทย

อาการ : ไอต่อเนื่อง ลิ้นไม่รู้รส จมูกไม่ได้กลิ่น หอบเหนื่อย หายใจลำบาก มีไข้ 37.5 องศาขึ้นไป

 

- สายพันธุ์อังกฤษ หรือ อัลฟา 

อาการ : มีไข้ ไอ เจ็บคอ หนาวสั่น อาเจียน ปวดเมื่อย ปวดศีรษะ มีน้ำมูก ท้องเสีย การรับรส/ได้กลิ่นผิดปกติ

 

- สายพันธุ์อินเดีย หรือ สายพันธุ์เดลตา

อาการ : คล้ายหวัดธรรมดา ไม่ค่อยสูญเสียการรับรส มีน้ำมูก เจ็บคอ ปวดศีรษะ 

 

- สายพันธุ์เบตา หรือสายพันธุ์แอฟริกา

อาการ : เจ็บคอ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อย ท้องเสีย ตาแดง มีผื่นตามผิวหนัง นิ้วมือ/เท้าเปลี่ยนสี การรับรส/ได้กลิ่นผิดปกติ

 

• ชี้แจงแล้ว ฉีดวัคซีนโควิด ทำให้ผู้หญิงมีลูกยาก ผู้ชายเป็นหมัน จริงหรือไม่
• สปสช. ย้ำ ปชช.ยังรักษาฟรี แม้ถอดโควิดออกจากโรคฉุกเฉิน
• เริ่ม 1 มี.ค. 65 ศบค. เห็นชอบ ลดค่าตรวจ RT-PCR และชุดตรวจโควิด ATK

- สายพันธุ์โอไมครอน หรือ โอมิครอน ในประเทศไทยตอนนี้พบว่ากำลังเริ่มแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข พบผู้ติดเชื้อมี 8 อาการที่พบมากที่สุด คือ อาการไอ 54 % , เจ็บคอ 37 %  , มีไข้ 29 % , ปวดกล้ามเนื้อ 15 % , มีน้ำมูก 12 % , ปวดศีรษะ 10 % , หายใจลำบาก  5 % , ได้กลิ่นลดลงมีเพียง  2 % และพบว่า 48% ไม่มีอาการ

ขณะที่ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาทางพันธุกรรม ของมหาวิทยาลัยคิงส์ คอลเลจ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้ให้ข้อสังเกตเกี่ยวกับ อาการโอไมครอน ดังนี้ เจ็บคอ เหนื่อยล้า ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ น้ำมูกไหล จาม เหงื่อออกตอนกลางคืน ปวดหลังส่วนล่าง