เตือน ติดเชื้อไม่ใช่รักษาหายแล้วจบ แต่ยังเกิดผลกระทบ อาการคงค้าง Long COVID

14 มกราคม 2565

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ เตือน ติดเชื้อไม่ใช่รักษาหายแล้วจบ ตามมาในระยะยาวของระบบต่างๆ ในร่างกาย อาการคงค้าง Long COVID เกิดได้ทั้งในผู้ใหญ่และเด็ก

"หมอธีระ" หรือ รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาพูดถึง สถานการณ์โควิด-19 ผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ว่า 14 มกราคม 2565 ทะลุ 320 ล้านไปแล้ว

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มสูงถึง 2,924,753 คน ตายเพิ่ม 6,532 คน รวมแล้วติดไปรวม 320,352,433 คน เสียชีวิตรวม 5,537,649 คน

5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ อเมริกา ฝรั่งเศส อินเดีย อิตาลี และสเปน

จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกาเหนือ ซึ่งรวมกันคิดเป็นร้อยละ 83.39 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 87.27

ล่าสุดจำนวนติดเชื้อใหม่จากทวีปยุโรปนั้นคิดเป็นร้อยละ 41.32 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 49.2

เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปครอง 5 ใน 10 อันดับแรก และ 10 ใน 20 อันดับแรกของโลก

...อัพเดตงานวิจัย

1. พบความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันในผู้ป่วยโควิด-19 อาการน้อยถึงปานกลางที่เป็น Long COVID นานถึงอย่างน้อย 8 เดือน

Phetsouphanh C และคณะจากมหาวิทยาลัยนิวเซาธ์เวลส์ ออสเตรเลีย เพิ่งเผยแพร่งานวิจัยใน Nature Immunology เมื่อวานนี้ 13 มกราคม 2565

จากความสนใจว่าอาการคงค้างที่เกิดขึ้นของผู้ป่วยที่ติดเชื้อโรคโควิด-19 ที่เรารู้จักกันในชื่อ Long COVID นั้นมีอาการแสดงได้หลายระบบในร่างกาย รวมถึงระบบประสาทและภาวะทางจิตใจและอารมณ์ หลายอาการคล้ายกับภาวะที่พบหลังจาก SARS และ MERS ซึ่งมักพบในคนที่ติดเชื้อแล้วมีอาการน้อยถึงปานกลาง

ทีมวิจัยจึงศึกษาในกลุ่มผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการน้อยและปานกลาง และพบว่าแม้จะรักษาหายจากโควิดตอนแรกแล้วนานถึง 8 เดือน กลุ่มคนที่มีอาการคงค้างเป็น Long COVID ก็ยังมีความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันที่สามารถตรวจพบได้อยู่

นี่จึงตอกย้ำความสำคัญให้เราตระหนักว่า การติดเชื้อนั้นไม่ใช่รักษาแล้วจบ ยังสามารถทำให้เกิดผลกระทบตามมาในระยะยาวของระบบต่างๆ ในร่างกายด้วย โดยภาวะ Long COVID นั้นเกิดได้ทั้งในผู้ใหญ่และเด็ก แม้โอกาสเกิดในเด็กจะน้อยกว่าผู้ใหญ่ก็ตาม

การป้องกันตัวอย่างเคร่งครัดเพื่อไม่ติดเชื้อ ลดละเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง เป็นเรื่องสำคัญยิ่ง

 

2. Huang J Sr. และทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัย Lanzhou ประเทศจีน เผยแพร่งานวิจัยใน medRxiv วันที่ 13 มกราคม 2565

ทำโมเดลคาดการณ์การระบาดของ Omicron และนำเสนอผลคาดการณ์ว่า หลังจากระบาดหนักต้นปีนี้ อาจมีการปะทุขึ้นมาในประเทศแถบซีกโลกเหนือราวเดือนเมษายน และซีกโลกใต้ราวเดือนมิถุนายน แต่การปะทุจะไม่สูงนัก

อย่างไรก็ตามคงต้องติดตามสถานการณ์กันต่อไป เพราะมีหลายปัจจัยที่จะมีอิทธิพลต่อการระบาดของทั่วโลก ทั้งสายพันธุ์ไวรัส ผลลัพธ์ของการควบคุมป้องกันโรคในรอบต้นปีนี้ รวมถึงนโยบายต่างๆ ของแต่ละประเทศที่จะส่งผลต่อความเสี่ยงในการระบาดซ้ำ และพฤติกรรมการป้องกันตัวของประชาชนในแต่ละพื้นที่

เตือน ติดเชื้อไม่ใช่รักษาหายแล้วจบ แต่ยังเกิดผลกระทบ อาการคงค้าง Long COVID