แค้นสะสม รปภ.วัย 50 ลั่นไกใส่เมียรุ่นลูกดับ หลังง้อไม่สำเร็จ
รปภ.โรงงานดังจ.ลพบุรี วัย 50 ปี แค้นสะสม เหนี่ยวไกใส่ อดีตเมียรุ่นลูกอายุ 22 ดับสลด ก่อนตัดสินใจจบปัญหารักนองเลือด
จากกรณีที่ พ.ต.ท.สราวุธ มหาชัย สารวัตรเวรสอบสวน สภ.พัฒนานิคม ลพบุรี ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันบริเวณลานจอดรถของบริษัทแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ช่องสาริกา จึงรายงานให้ พ.ต.อ.กฤช แสงพล ผกก.สภ.พัฒนานิคม ทราบ พร้อมทั้งได้ประสานแพทย์เวร รพ.พัฒนานิคม ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และมูลนิธิร่วมกตัญญู เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ
โดยในที่เกิดเหตุพบศพผู้เสียชีวิตเป็นหญิงนอนหงาย ซึ่งเป็น รปภ.ในโรงงานดังกล่าว ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ น.ส.ชลิตา อายุ 22 ปี อยู่อำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี บาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 เข้าที่ลำตัวหลายนัด
จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า น.ส.ชลิตา ถูกยิงจำนวน 5 นัด เมื่อเวลาประมาณ 07.45 น. โดยคนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 50 ปี หลังจากยิงแล้วได้ค้นตัวผู้เสียชีวิต คว้ากุญแจรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า สีฟ้าหมายเลขทะเบียน 1กท -7310 ลพบุรี ของผู้เสียชีวิตขับหลบหนีไปไม่ทราบเส้นทาง
จากการสอบสวนทราบว่าผู้ก่อเหตุก็ทำงานเป็น รปภ.โรงงานด้วยกัน และเป็นอดีตสามีของ น.ส.ชลิตาทราบชื่อคือ นายอนุสรณ์ อายุ 50 ปี หลังก่อเหตุแล้วได้ใช้ รถจยย.ฮอนด้า หลบหนี โดยสวมเสื้อแขนยาวสีดำ กางเกงขายาวสีดำ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างกำลังเร่งติดตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุเพื่อมาดำเนินคดี
ตามรายงานระบุว่า ผู้ก่อเหตุและผู้เสียชีวิตเคยเป็นสามีภรรยากันและอยู่กินกันมาหลายปี ก่อนที่ในช่วงหลังจะแยกกันอยู่จากอายุที่ต่างกันมาก และฝ่ายชายเริ่มไม่มีเงินให้ภรรยา จนมีปากเสียงกันและฝ่ายชายมักจะถูกฝ่ายหญิงด่าทอรุนแรงจนทำให้เกิดเป็นความแค้นสะสม ก่อนที่จะมาก่อเหตุ รปภ.ยิงอดีตเมียวัย 22 ในครั้งนี้
ต่อมา พ.ต.อ.กฤช แสงพล ผกก.สภ.พัฒนานิคม ซึ่งได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดงานสืบสวน สภ.พัฒนานิคม ชุดสืบสวน ภ.จว.ลพบุรี และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ จราจร กระจายกำลังกันค้นหา และตั้งจุดสกัดกดดันผู้ต้องหา
จนเวลาประมาณ 10.25 น. ทางตำรวจ สภ.พัฒนานิคม ได้รับโทรศัพท์จากผู้ก่อเหตุว่าจะขอมอบตัวสู้คดี ซึ่งจากการตรวจสอบจากสัญญานโทรศัพท์ พบว่าอยู่บริเวณใกล้เคียงจุดเกิดเหตุประมาณ 4 กิโลเมตร จึงได้กระจายกำลังออกค้นหา
กระทั่งพบว่า นายอนุสรณ์ มาหลบพักอยู่ที่ โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.พัฒนานิคม เจ้าหน้าที่ได้พยายามเกลี้ยกล่อม ให้มอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ โทษหนักจะได้เป็นเบา ซึ่งมีการเจรจากันอยู่สักครู่ ซึ่งนายอนุสรณ์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า "ตนเองไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ทั้งพ่อแม่และครอบครัว ขอตายตามคนรักไป"
จากนั้นไม่นาน ทางเจ้าหน้าที่ได้ยินเสียงปืน จำนวน 1 นัดดังมาจากห้องพัก จึงวางกำลัง เนื่องจากคิดว่าคนร้ายยิงเปิดทาง แต่เมื่อเปิดประตูพบว่านายอนุสรณ์ ใช้อาวุธปืน แบบไทยประดิษฐ์ บรรจุกระสุนขนาด .38 ยิงตัวเองเสียชีวิตอยู่บนที่นอนของโรงแรมโดยอาวุธปืนตกอยู่ที่ปลายเตียง รถจักรยานยนต์ที่ขโมยมาจอดอยู่ในโรงจอดโรงแรม