แจงแล้ว อยู่ใกล้บริเวณเสาส่งสัญญาณ 5G มีอาการคล้าย การติดเชื้อไวรัส จริงไหม

14 ธันวาคม 2564

กสทช. ชี้แจงกรณีข่าวลือ อาการเจ็บป่วยเมื่ออยู่ใกล้บริเวณเสาส่งสัญญาณ 5G จะมีอาการคล้าย การติดเชื้อไวรัส จริงไหม

ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์เรื่อง อาการเจ็บป่วยเมื่ออยู่ใกล้บริเวณเสาส่งสัญญาณ 5G จะมีอาการคล้าย การติดเชื้อไวรัส ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ

แจงแล้ว อยู่ใกล้บริเวณเสาส่งสัญญาณ 5G มีอาการคล้าย การติดเชื้อไวรัส จริงไหม

กรณีการแชร์ข้อความระบุว่าการเจ็บป่วยจากคลื่นความถี่สูงเมื่ออยู่ใกล้บริเวณเสาส่งสัญญาณ 5G จะทำให้ป่วย มีอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้ หูอื้อ ความดันโลหิตสูง ใจสั่น มีอาการสั่นสะเทือนที่ศีรษะและคอ มีแรงดันในศรีษะ ซึ่งอาการเจ็บป่วยจะเหมือนติดเชื้อไวรัสนั้น ทางสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ได้ตรวจสอบและชี้แจงข้อเท็จจริงว่า จนถึงปัจจุบันยังไม่มีรายงาน หรือผลการศึกษาจากสถาบันใดที่ระบุว่าเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่เสาสัญญาณ 5G ก่อให้เกิดอันตราย

โดยองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลว่าจากผลการศึกษายังไม่พบว่า คลื่นความถี่จากเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย อีกทั้งนักวิชาการโทรคมนาคมหลายคนในประเทศก็ได้ออกมาให้ข้อมูลว่า คลื่น 5G 4G 3G 2G ต่างก็เป็นคลื่นวิทยุเหมือนกันแต่ต่างกันที่เทคโนโลยีเท่านั้น ดังนั้นข้อเท็จจริงที่ว่า เมื่ออยู่ใกล้เสาส่งสัญญาณ 5G จะมีอาการเจ็บป่วยคล้ายการติดเชื้อไวรัสจึงไม่เป็นความจริง

แจงแล้ว อยู่ใกล้บริเวณเสาส่งสัญญาณ 5G มีอาการคล้าย การติดเชื้อไวรัส จริงไหม

 

ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ และเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารจากกสทช. สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ www.nbtc.go.th หรือโทร. 02 6708888

บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ปัจจุบันยังไม่มีรายงาน หรือผลการศึกษาจากสถาบันใดที่ระบุว่าเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่เสาสัญญาณ 5G ก่อให้เกิดอันตราย

หน่วยงานที่ตรวจสอบ : สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

 

ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews