"หมอธีระ"เผย โควิดกลายพันธ์ "โอไมครอน" 7 ข้อ ที่ทำให้เกิดการระบาด

27 พฤศจิกายน 2564

"หมอธีระ" รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ เปิดข้อมูล เชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 กลายพันธ์ "โอไมครอน" 7 ข้อ มันทำให้เกิดการระบาดอย่างมากได้

จากกรณีที่ "หมอธีระ" รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบุ เรื่อง โควิด-19 สายพันธุ์ B.1.1.529 โดยมีการระบุข้อความว่า 

27 พฤศจิกายน 2564

...Update โควิด-19 สายพันธุ์ B.1.1.529...(โอไมครอน)

1. องค์การอนามัยโลกประกาศจัดให้ B.1.1.529 เป็นไวรัสกลายพันธุ์ที่อยู่ในกลุ่มสายพันธุ์ที่น่ากังวล (Variants of Concern: VOC) เป็นตัวที่ 5 ในขณะนี้ต่อจากอัลฟ่า เบต้า แกมม่า และเดลต้า

 

หมอธีระ

2. ตั้งชื่อว่า "Omicron" (โอไมครอน)

3. โดยปกติแล้ว WHO จะจัดให้เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล VOC ก็ต่อเมื่อมีลักษณะข้อใดข้อหนึ่งคือ มีความสามารถในการแพร่เชื้อได้มากขึ้นกว่าเดิมหรือมีข้อมูลที่บ่งชี้ว่ามีความสามารถที่จะแพร่ระบาดอย่างมากได้ (detrimental change in COVID-19 epidemiology), ติดเชื้อแล้วรุนแรงมากขึ้นหรือเปลี่ยนลักษณะอาการทางคลินิกไปจากเดิม, หรือเป็นเชื้อที่มีหลักฐานยืนยันว่าทำให้ลดทอนประสิทธิภาพมาตรการด้านสาธารณสุข ไม่ว่าจะเป็นด้านการตรวจวินิจฉัย การป้องกันด้วยวัคซีน หรือการรักษาก็ตาม

B.1.1.529 หรือ Omicron นี้ถูกจัดเป็น VOC เพราะข้อมูลที่มีตอนนี้นั้นชัดเจนเรื่องทำให้เกิดการแพร่ระบาดมากได้

4. Omicron นี้ ได้รับการรายงานครั้งแรกในประเทศบอทสวานา เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2564 และพบในประเทศแอฟริกาใต้ในอีกไม่กี่วันถัดมา ต่อมาพบที่ประเทศฮ่องกง และเมื่อวันก่อนก็มีการรายงานว่าพบในอิสราเอลและเบลเยี่ยมด้วย

การระบาดในแอฟริกาใต้นั้นมีการกระจายไปทั่วทุกจังหวัด และมีอัตราการตรวจพบที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าวิตก และคาดว่าว่าอาจมีการกระจายไปประเทศต่างๆ ในทวีปแอฟริกาและทวีปอื่นๆ ทางองค์การอนามัยโลกจึงเตือนให้ประเทศต่างๆ เฝ้าระวัง และส่งรายงานการตรวจพบตามกลไกที่กำหนดไว้

 

5. การตรวจด้วยวิธี RT-PCR ซึ่งเป็นวิธีมาตรฐานที่ใช้ตรวจโควิด-19 นั้นยังสามารถตรวจได้ โดยจะมีลักษณะของการหายไปของ S-gene ที่เรียกว่า S-gene target failure หรือ S-gene drop out

ดังนั้นศักยภาพของระบบการตรวจ RT-PCR ของแต่ละประเทศที่จะรองรับปริมาณการตรวจยามมีระบาดรุนแรงขึ้นจึงสำคัญมาก ไม่ใช่หันไปกระตุ้นเศรษฐกิจแล้วหันไปใช้ ATK โดยไม่ได้เพิ่มศักยภาพระบบ RT-PCR

6. ข้อมูลจาก Jeffrey Barrett ชี้ให้เห็นว่า Omicron นี้มีการเปลี่ยนแปลงลักษณะหนามตรงเปลือกนอกของไวรัสมากถึง 32 ตำแหน่ง โดยหลายตำแหน่งมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดปัญหา (ดังรูป)

เช่น สีแดง มีอยู่ถึง 9 แห่งที่มีลักษณะเหมือนกับไวรัสกลายพันธุ์ VOC เดิมที่เราเคยเจอ ไม่ว่าจะเป็นอัลฟ่า เบต้า แกมม่า และเดลต้า

ตำแหน่งต่างๆ ดังกล่าวมีผลต่อการลดประสิทธิภาพของภูมิคุ้มกันจากวัคซีน การเพิ่มศักยภาพในการแพร่เชื้อและติดเชื้อ ฯลฯ

ในขณะที่สีอื่นๆ นั้น จำเป็นต้องมีการวิจัยเพื่อดูผลของการเปลี่ยนแปลงต่อไป

7. คาดว่าในอีกไม่กี่สัปดาห์ จะมีผลการศึกษาเชิงลึกว่า Omicron จะส่งผลอย่างไรบ้างกับเรื่องประสิทธิภาพของภูมิคุ้มกัน รวมถึงความสามารถในการแพร่เชื้อติดเชื้อ โอกาสการติดเชื้อซ้ำ และอื่นๆ

ทั้งนี้ล่าสุดทางบริษัทวัคซีน เช่น โมเดิร์นน่า ก็ได้ออกมาประกาศว่ากำลังเร่งพัฒนาวัคซีนที่จำเพาะกับสายพันธุ์ Omicron นี้ด้วย

...ย้ำเตือนกันทุกวันว่า ไทยเราตอนนี้การระบาดยังสูงมาก และกระจายไปทั่ว ดังที่เห็นในอันดับโลกทุกวัน

ฉีดวัคซีนจะช่วยลดโอกาสป่วยรุนแรง ลดโอกาสเสียชีวิตได้

แต่ไม่ว่าจะฉีดแล้วหรือยังไม่ครบหรือยังไม่ฉีด ขอให้ตระหนักว่าจะมีโอกาสติดเชื้อได้หากไม่ป้องกันตัวอย่างเคร่งครัด และป่วยได้ตายได้ แพร่ให้คนใกล้ชิดในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน หรือคนอื่นในสังคมได้

ใส่หน้ากากนะครับ สำคัญมาก

เว้นระยะห่างจากคนอื่นเกินหนึ่งเมตร

สองเรื่องนี้จำเป็นต้องทำอย่างยิ่ง ทำอย่างเป็นกิจวัตร

ทั้งประชาชนทั่วไป รวมถึงนายจ้าง ลูกจ้าง และลูกค้าทุกคน

ไม่งั้นหากระบาดหนักขึ้นกว่านี้ ผลกระทบจะเกิดขึ้นหนักกว่าที่เป็นมา ทั้งด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ และสังคม

หมอธีระ

หมอธีระ

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews