ประสบการณ์หลอน "ไรเดอร์" รับออเดอร์ผี ส่งบ้านร้าง รู้ประวัติดับทั้งบ้าน

13 พฤศจิกายน 2564

เรื่องราวสุดหลอน "ไรเดอร์หนุ่ม" รับออเดอร์ผี ส่งอาหารที่บ้านร้าง ก่อนรู้ประวัติบ้านนี้ดับทั้งบ้าน พร้อมเสียงผู้หญิงปริศนา

จากกรณีที่เรียกได้ว่าเป็นเรื่องราวสุดหลอน ขนหัวลุกเลยก็ว่าได้ เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊ก Art Panpairote ได้โพสต์ข้อความลงใน กลุ่ม กูขับpanda โดยระบุเนื้อหาดังนี้ 

คุณเชื่อสิ่งลี้ลับไหม? วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์ออเดอร์ผี” แบบผีของจริง 100% อาจจะยาวหน่อยแต่รับประกันหลอนจริง เพราะเจอมาสดๆเลย

แขทนี้ใครเป็นคนพิมพ์ และต้องการอะไร? แล้วหลังจากส่งเบอร์โทรมา ทำไมถึงไม่อ่าน ไม่ตอบอีกเลย ? (ประเด็นคือชื่อเหมือนคนลาวที่พี่รปภ.บอกเลย มันจะบังเอิญเกินไปรึเปล่า?)

วันนี้ผมทำงานถึงกะดึกเลิกงานประมาณ 22.30 ระหว่างที่ใกล้กำลังจะเลิกงานก็รู้สึกหิวขึ้นมา ก็เลยแวะไปแถวๆซอยคุณพระ(คลองหลวง 27) เพื่อหาอะไรกิน ปรากฏว่ากำลังจะเลี้ยวเข้าซอย เสียงแจ้งเตือนที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมา “มี๊บๆ” เลยเหลือบสายตามองไปที่โทรศัพท์ก็คือมีออเดอร์เข้านั่นเอง และหลังจากที่กดรับ “บุคคลปริศนา” ก็ได้ส่งข้อความมาหาผมทันทีที่กดรับออเดอร์ ตามในรูปด้านล่างพร้อมเบอร์โทรเสร็จสรรพ หลังจากที่ได้ข้อมูลมาเรียบร้อยก็ไปรอออเดอร์จนเสร็จ แล้วขับรถมาจนถึงหน้าหมู่บ้านแห่งนี้ (คนขับโซนนี้น่าจะรู้ดี) พอมาถึงหน้าหมู่บ้านก็จะเจอ รปภ. ก็เริ่มบทสนทนา

รปภ1 : บ้านเลขที่เท่าไหร่ครับ

ผม : 74/23 ครับ

รปภ1 : (พี่ๆรปภ มองหน้ากันเลิ่กลั่ก) บ้านเลขที่ผิดรึเปล่า เลขที่เท่าไหร่นะครับ?

ผม : (ย้ำอีกรอบพร้อมเสียงที่ดังขึ้น) XX/23 ครับ

รปภ1 : น่าจะผิดบ้าน บ้านนี้มันเป็นบ้านร้าง จะมีคนสั่งของได้ยังไง? ลองโทรหาเขาดูซิ

ผม : (ก็เลยโทรไปที่เบอร์ที่ลูกค้าให้มา) ตื๊ดๆๆๆ

ผม : เขาตัดสายอะพี่ (ตัดสาย3ครั้ง)

รปภ1 : (เริ่มเล่าประวัติบ้านนี้) น้องรู้ไหมว่าบ้านหลังนี้อะ เจ้าของติดหนี้สินจนธนาคารมายึดบ้าน เจ้าของก็เลยคิดสั้นฆ่าตัวตาย แล้วก็ยิงคนสวนเป็นคนลาวที่อยู่ในบ้านอีกคนไปด้วย

บ้านเลขที่จริงไม่จกตา ตามในข้อความเป๊ะๆ 100%

 

- รองโฆษกฯ อสส. ชี้ อัยการยังไม่มีคำสั่งฟ้อง อดีตผกก.โจ้

- เปิดประวัติ "หมอนะ" ทันตแพทย์หนุ่มชื่อดังฝีมือดี

- เล่นหนัก! "ปารีณา ไกรคุปต์" สวนประธานชวน ไม่ต้องมาสาระแน

ผม : (ใจเริ่มเสียแล้วคิดว่าจะเอายังไงดีวะ สักพักได้ยินเสียงพี่รปภอีกคนพูดขึ้นมา)

รปภ2 : อาจจะเป็นบ้านใกล้ๆ ลองไปดูไหม เห็นเขากินเหล้ากันอยู่เขาอาจจะสั่ง (ในใจผมคิดว่า เขาระบุเลขที่บ้านขนาดนี้จะผิดได้ไง แต่เอาวะไหนๆก็มาแล้ว ไปดูสักหน่อยแล้วกัน)

….ก็ขับรถตามพี่ รปภ2 ไปบ้านใกล้ๆก่อน ปรากฏว่า ไม่มีใครกินเหล้าแล้ว เพราะมันดึกแล้ว และคงไม่ใช่บ้านนี้สั่งแน่นอน เพราะถ้าสั่งก็คงต้องนั่งกินเหล้ารอกับแกล้มอยู่แน่นอน จังหวะนี้ก็เลยบอกพี่ รปภ2 ว่า…

ผม : ไหนๆก็มาถึงตรงนี้ พี่พาผมไปดูบ้านเลขที่ 23 หน่อยได้ไหม ผมจะได้ถ่ายรูปส่งบริษัทด้วย (พี่ รปภ2 ก็พาไปแต่โดยดี)

ตอนกำลังจะไปถึงหน้าบ้านคือลมแรงมากแบบคิดว่าพายุกำลังจะเข้า พอไปถึงหน้าบ้านก็เป็นสภาพแบบที่เห็นเลยครับ บ้านที่เต็มไปด้วยต้นไม้ผุพัง เก่า (บรรยากาศจริงจะมืดกว่านี้มาก แต่เพราะโทรศัพท์มันปรับแสงเองเลยได้ภาพที่สว่าง) ผมเลยรีบถ่ายรูป รีบออกจากตรงนี้ด่วนๆ คือไม่ไหวเลย ขนลุกตลอดเวลา พี่รปภ ก็ขนลุกเหมือนกับผมไม่แพ้กัน

สรุปสุดท้ายก็ได้ทำการยกเลิกไปแล้วให้อาหารกับพี่ๆ รปภ ได้กิน ซึ่งมาถึงตรงนี้แล้ว ไม่รู้ว่าเป็นการแกล้งสั่งรึเปล่า แต่ถ้าเป็นการแกล้ง คงเป็นการแกล้งที่ว่างมากกก ผมก็มีเวลาจำกัดในการทำงานของผม โดนแกล้งแบบนี้ทำให้ผมเสียทั้งรายได้และเวลาไปอีก (แล้วผมก็ขอให้มันเป็นแค่การแกล้งจริงๆ ไม่งั้นมันจะเป็นภาพความทรงจำของผมไปอีกนาน)

ปล.สิ่งที่น่ากลัวเพิ่มเติมจากในสิ่งที่ผมไม่ได้บอก เพราะด้วยความที่ง่วงแล้วมีงานเช้าต่อแล้วก็เริ่มขี้เกียจพิมพ์ ก็คือประมาณว่า หลังจากที่ได้ถ่ายรูปเสร็จผมก็รีบขับออกจากตรงนั้นแล้วมาลองโทรหาเบอร์ปริศนาตรงหน้าหมู่บ้าน แล้วผมก็ได้ทำการโทรหาเบอร์นี้อีกครั้งเพื่อจะยืนยันยกเลิกออเดอร์ ปรากฏว่าครั้งนี้รับสาย โดยบทสนทนามีดังนี้

ผม : สวัสดีครับ มาส่งอาหารอยู่บ้านเลขที่เท่าไหร่นะครับ ? (เปิดลำโพงเงี่ยหูฟังกับพี่รปภ.)

ปลายสาย : (เงียบประมาณ 10 วิ ระหว่างนี้ผมหโหลตลอด)

ผม : ย้ำอีกครั้ง พูดเหมือนเดิม

ปลายสาย : (เป็นผู้หญิงเสียงแข็งมาก พูดกึ่งตะโกน) เอาไปทำไม!(ผมกับพี่รปภ.มองหน้ากัน ในใจกูคิด เอาอะไรไปวะ หรือจะหมายถึงเลขที่บ้าน)

ผม : ผมต้องการเลขที่บ้านครับ เพราะผมเข้าไปส่งไม่ถูก

ปลายสาย : เงียบไม่พูดอีกเลย (ผมก็หโหลไปประมาณ 10 วิก็ไม่ตอบ ผมรู้สึกใจไม่ดีเลยกดตัดสายไป)

พอมาถึงก็เห็นดังภาพเลยครับ ประตูเปิดทิ้งไว้ ไม่รู้ว่าใครมาเปิด หรืออาจจะรออาหารจากเราอยู่? ยำ 4 ถุง ถ้าเป็นเรื่องจริง พี่แกคงหิวมาก แต่ผมให้พี่ รปภ. ไปแล้ว เพราะไม่กล้าไปตรงหน้าบ้านอีก มันหลอนมาก

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews