สั่ง 14 จังหวัดภาคใต้ เพชรบุรี-ประจวบฯ เตรียมรับมือน้ำท่วมปลายเดือน ต.ค.

22 ตุลาคม 2564

บิ๊กป๊อก สั่งการ 14 จังหวัดภาคใต้ เพชรบุรี-ประจวบฯ เตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม คลื่นลมแรงช่วงปลายเดือน ต.ค. นี้

เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 64 พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) ได้เปิดเผยว่า กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ได้ติดตามลักษณะอากาศร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าช่วงปลายเดือนตุลาคม ปี 2564 จะมีร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออก จะเลื่อนลงไปพาดผ่านบริเวณภาคใต้และอ่าวไทย ทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนตกชุกหนาแน่น และอาจมีพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนเข้ามาใกล้ประเทศไทย และต่อเนื่องลงมาจนถึงอ่าวไทยตอนบนและภาคใต้ได้ ส่งผลให้ภาคใต้มีฝนตกเพิ่มมากขึ้น อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในบางแห่ง

 

สั่ง 14 จังหวัดภาคใต้ เพชรบุรี-ประจวบฯ เตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วมปลายเดือน ต.ค. นี้

ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ได้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด 14 จังหวัดภาคใต้ รวมทั้ง จ.เพชรบุรี และ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เตรียมพร้อมรับสถานการณ์อุทกภัยที่อาจเกิดขึ้น กำชับให้ติดตามปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ที่เคยประสบอุทกภัย น้ำท่วมขัง และดินโคลนถล่มจากฝนตกหนักหรือเสี่ยง หากฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่หรือมีแนวโน้มจะเกิดสถานการณ์ให้ฝ่ายปกครอง กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่รีบแจ้งเตือนประชาชน ขณะที่บริเวณพื้นที่ติดชายฝั่งและสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการในการแจ้งเตือน และห้ามบุคคลใดเข้าพื้นที่ในช่วงที่มีฝนตกหนักหรือตกหนักมาก ส่วนพื้นที่ที่ติดทะเล ชายหาดต่างๆ ให้แจ้งเจ้าของเรือนำเรือเข้าที่กำบัง ห้ามการเดินเรือในช่วงที่มีคลื่นลมแรง และให้กำชับสถานประกอบการ โรงแรมในพื้นที่ชายทะเล แจ้งเตือนให้นักท่องเที่ยวระมัดระวัง ห้ามลงเล่นน้ำในช่วงที่มีคลื่นลมแรงโดยเด็ดขาด 

 

สั่ง 14 จังหวัดภาคใต้ เพชรบุรี-ประจวบฯ เตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วมปลายเดือน ต.ค. นี้

หากสถานการณ์ในพื้นที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น ให้รีบอพยพประชาชนในพื้นที่ที่เสี่ยงภัยไปยังพื้นที่ปลอดภัย หรือศูนย์พักพิงที่จัดเตรียมไว้ และจัดชุดปฏิบัติการจากหน่วยราชการ มูลนิธิ อาสาสมัคร ประชาชนจิตอาสา เข้าคลี่คลายสถานการณ์ พร้อมดูแลความเป็นอยู่ของประชาชน ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากภาครัฐอย่างใกล้ชิด และหากประชาชนต้องการขอรับความช่วยเหลือ สามารถติดต่อสายด่วนนิรภัยโทร. 1784 หรือสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม โทร. 1567 ได้ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที