หลวงพ่อฉลวย พระนักพัฒนาชื่อดังแห่งเมืองสมุทรสาคร มรณภาพแล้ว

14 ตุลาคม 2564

ศิษยานุศิษย์อาลัย "หลวงพ่อฉลวย" ที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอ และอดีตเจ้าอาวาสวัดหนองบัว จ.สมุทรสาคร พระนักพัฒนาชื่อดัง มรณภาพแล้ว

ศิษยานุศิษย์อาลัยแจ้งข่าวเศร้า พระครูสาครสิริฑัต (ฉลวย นิยโต) ที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอ และอดีตเจ้าอาวาสวัดหนองบัว บ้านแพ้ว สมุทรสาคร ได้มรณภาพลงเมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2564 ด้วยโรคชรา ณ โรงพยาบาลบ้านแพ้ว สิริรวมอายุ 93 ปี

หลวงพ่อฉลวย  พระนักพัฒนาชื่อดังแห่งเมืองสมุทรสาคร มรณภาพแล้ว

โดยเมื่อวันที่ 13 ต.ค. 64 คณะสงฆ์วัดหนองบัว ต.หนองบัว อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร พร้อมด้วยศิษยานุศิษย์ ได้ร่วมกันทำพิธีเคลื่อนสรีระ หลวงพ่อฉลวย อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองบัว จากโรงพยาบาลบ้านแพ้ว ไปยังวัดหนองบัว ที่ได้จัดเตรียมสถานที่บำเพ็ญกุศลที่ศาลาการเปรียญวัดหนองบัวไว้ จากนั้นคณะสงฆ์นำโดย พระเทพสาครมุนี เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร ทำพิธีสรงน้ำสรีระ รวมทั้งกำนันผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนตามลำดับ 


ต่อมาเวลา 16.00 น. มีพิธีน้ำหลวงอาบสรีระ โดยนายณรงค์ รักร้อย ผวจ.สมุทรสาคร เป็นประธาน และกำหนดสวดพระอภิธรรมเวลา 17.00 น. ทุกคืนเป็นเวลา 30 วัน ก่อนทำพิธีเก็บรักษาสรีระต่อไป

หลวงพ่อฉลวย  พระนักพัฒนาชื่อดังแห่งเมืองสมุทรสาคร มรณภาพแล้ว

-เเม่ค้าเครียดโดนรัฐเรียกเงินคืนเกือบ 1.4 ล้าน สเเกนผิดกฎ ระยะทาง 7,000 กม.
-กระทรวงแรงงานเตรียมจ้างงานมากกว่า 2 แสนอัตรา ขานรับคำสั่งเปิดประเทศ
-คำแถลงเปิดประเทศ "ลุงตู่" มีนัยยะ สานต่อแผนอยู่ยาว 5 ปี

สำหรับประวัติของ พระครูสาครสิริฑัต (ฉลวย นิยโต)  เกิดวันที่ 15 เม.ย. 2471 เป็นบุตรของนายเป๋ นางซิม เปาทุย โดยเมื่ออายุ 21 ปี ได้บรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุ มีพระปลัดโฉม (พระครูสุนทรธรรมวาที) เจ้าอาวาสวัดธรรมจริยาภิรมย์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์รอดเป็นพระกรรมวาจาจารย์

หลวงพ่อฉลวย  พระนักพัฒนาชื่อดังแห่งเมืองสมุทรสาคร มรณภาพแล้ว

ต่อมาวันที่ 10 เม.ย. 2503 ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองบัว วันที่ 5 ธ.ค.2516 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสาครสิริฑัต วันที่ 9 พ.ค.2519 ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ วันที่ 10 เม.ย.2547 ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอบ้านแพ้ว และวันที่ 10 เม.ย. 2552 ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอบ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร โดยท่านถือว่าเป็นพระนักพัฒนาและอนุรักษ์ธรรมชาติ เป็นที่ศรัทธาของศิษยานุศิษย์เป็นอย่างมาก

 ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews