หนุ่มเผยชนวนเหตุปลิดชีพแม่ค้าออนไลน์สาว เพราะโดนหยามความเป็นชาย

จากกรณีตำรวจจับกุมตัวชายต้องสงสัยในกล้องวงจรปิดอพาร์ทเม้นท์แม่ค้าออนไลน์สาวที่เสียชีวิตเป็นร่างเปลือยอยู่ภายในห้องพัก ล่าสุดชายต้องสงสัยสารภาพเหตุลงมือเพราะโกรธที่ผู้เสียชีวิตหาว่าของสงวนของตนเล็กเกินไป รู้สึกเหมือนโดนหยามจึงบันดาลโทสะ ทว่าตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อเพราะคนร้ายเคยมีคดีเก่าในลักษณะเดียวกันมาแล้วและเคยต้องโทษคดีทำความผิดเกี่ยวกับการล่วงละเมิดมาก่อน

 

คดีนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2564 เพื่อนและผู้ดูแลไปพบร่างของสาววัย 27 ปี ซึ่งมีอาชีพค้าขายเป็นแม่ค้าออนไลน์นอนเปลือยไร้ลมหายใจอยู่ในห้องพัก 

เพื่อนของผูเ้สียชีวิตเล่าว่าก่อนพบร่างแม่ของผู้เสียชีวิตได้ติดต่อมาหาตนและถามหาผู้เสียชีวิตเนื่องจากติดต่อไม่ได้เธอจึงสืบจนทราบที่อยู่และมาตามหา เมื่อขอให้ผู้ดูแลอพาร์ทเมนท์ขึ้นไปช่วยดูให้กลับพบร่างไร้ลมหายใจของเพื่อนอยู่ภายในห้องพัก และข้างเตียงพบถุงยางอนามัยใช้แล้วตกเกลื่อนอยู่ 

สภาพร่างกายมีเลือดไหลออกทางปาก และจมูก ตรวจสอบร่างกายมีรอยเขียวช้ำที่ลำคอ 

ต่อจากนั้นวันที่ 5 กันยายน 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวชายต้องสงสัยที่ปรากฎอยู่ในคลิปวงจรปิดว่าอยู่กับผู้เสียชีวิตเป็นคนสุดท้ายได้แล้วที่จังหวัดปทุมธานี และได้ควบคุมตัวมาที่สถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรปราการ มีรายงานว่าบุคคลนี้ก่อเหตุแบบนี้มาแล้วหลายครั้งในหลายพื้นที่

ล่าสุด วันที่ 6 กันยายน 2564 ตำรวจเผยความคืบหน้าการสอบปากคำ ผู้ก่อเหตุชื่อ นายเอกพจน์ ครองยุติ วัย 33 ปี อดีตนักโทษมีประวัติบีบคอผู้เสียหายจนเกือบเสียชีวิต แล้วชิงทรัพย์หลบหนี ตำรวจจึงรีบรวบรวมหลักฐานเข้าขอหมายจับศาลจังหวัดสมุทรปราการในข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา ลักทรัพย์ โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่ห้องเช่าย่านคลองหลวง จ.ปทุมธานี มีของกลางคือเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันเกิดเหตุ โทรศัพท์ 4 เครื่อง

ทั้งนี้คนร้ายสารภาพว่าลงมือกับผู้เสียชีวิตจริง โดยตอนแรกก่อนเกิดเหตุประมาณ 4-5 วัน มีการติดต่อผู้เสียชีวิตทางทวิตเตอร์ตกลงซื้อขายกันในราคา  1,300 บาท ก่อนก่อเหตุเพิ่งใช้ยาไอซ์มา พอหลับนอนกับผู้เสียชีวิตกลับถูกต่อว่าว่าตนเป็นคนสกปรก อวัยวะเพศชายเล็ก เป็นผู้ชายหรือเปล่า ด้วยความโมโหจึงบีบคอจนแน่นิ่ง แต่ไม่รู้ว่าเสียชีวิตหรือไม่ จากนั้นตนก็หยิบโทรศัพท์ผู้ตายแล้วก็ปลดสร้อยข้อมือติดมาแล้วหลบหนี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อในคำให้การ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews