ส่อวุ่น ม็อบมือระเบิดติดเชื้อโควิด19 หวั่นเป็นคลัสเตอร์ใหม่ ระบาดกลางกรุง

12 สิงหาคม 2564

รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยันเฟกส์นิวส์ ตำรวจยัดประทัดยักษ์ใส่ม็อบทะลุฟ้า หลังระเบิดคามือเจ็บสาหัส ก่อนนำตัวส่ง ICU ล่าสุดแพทย์โรงพยาบาลตรวจพบติดเชื้อโควิด-19

จากกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมม็อบทะลุฟ้า "11สิงหา" ได้มีการรวมตัวกันประท้วง ก่อนที่จะมีมวลชนบางส่วนก่อเหตุเผารถยกของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำลายทรัพย์สินของทางราชการ และเอกชน พร้อมทั้งใช้ระเบิดประทัดยักษ์ "ม็อบมือระเบิด" บริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดง จนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ต้องเข้าทำการระงับเหตุ ในช่วงเย็นของวันที่ 11 ส.ค. 64 

 

ม็อบ

 

ทั้งนี้ ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ ทางด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับการยืนยันจากศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ว่ามีการตรวจพบข่าวปลอมเพิ่มเติม 1 กรณี คือกรณีที่มีการสร้างข่าวปลอม กล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ เอาประทัดยักษ์ยัดใส่มือกลุ่มผู้ชุมนุม "ม็อบมือระเบิด" และบังคับให้กำประทัดจนแตกใส่มือ โดยทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ตรวจสอบกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่าเป็นข่าวปลอม

 

ม็อบ

 

โดยทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ชี้แจงข้อเท็จจริงว่า วันที่ 11 ส.ค. 64 ได้มีผู้ชุมนุมชื่อว่า ม็อบทะลุฟ้า มาชุมนุมกันที่บริเวณ แยกดินแดง เขตดินแดง กทม. ได้มีนายเอ (นามสมมุติ) อายุประมาณ 14 ปีเศษ สวมใส่เสื้อช็อปอาชีวะได้จุดประทัดยักษ์ แต่เกิดพลาดระเบิดใส่มือข้างซ้ายของตนเองทำให้ได้รับบาดเจ็บ

หลังเกิดเหตุมีผู้ไม่หวังดี ได้นำภาพไปตัดต่อ และเขียนข้อความใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยกล่าวหาว่ามีการนำประทัดไปยัดใส่มือนั้น เรื่องนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ได้มีการนำประทัดยักษ์ ไปยัดใส่มือแต่อย่างใด และเป็นการสร้างข่าวปลอมขึ้นมา เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้เอาประทัดยักษ์ยัดใส่มือแต่อย่างใด

 

ม็อบ

 

ทั้งนี้ ผู้บาดเจ็บรายดังกล่าว ปัจจุบันถูกนำตัวส่งไปรักษาอาการที่โรงพยาบาลรามาธิบดี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบที่โรงพยาบาลฯ และพบว่า ได้นอนพักรักษาตัวอยู่ที่ห้อง ICU และแพทย์ได้ทำการตรวจหาเชื้อ "โควิด-19" โดยผลการตรวจเบื้องต้นพบว่าติดเชื้อ "โควิด-19" อีกด้วย  

 

ม็อบ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews