แพทย์ด่านหน้า น้ำตาร่วง ต้องจับฉลากลุ้นกัน ใครจะได้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์

10 สิงหาคม 2564

แพทย์ด่านหน้าในพื้นที่ จ.ปัตตานี โพสต์เฟซบุ๊กระบายความในใจ น้ำตาร่วงต้องจับฉลากลุ้นกัน ใครจะได้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์

จากกรณีที่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้มีการบริจาควัคซีนไฟเซอร์ มาให้แก่ประเทศไทย เพื่อฉีดให้กับบุคลากรการแพทย์ ผู้สูงอายุ กลุ่ม 7 โรคเสี่ยง และ กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งวัคซีนจะถูกจัดสรร​โดย​กระทรวงสาธารณสุข แจกจ่ายไปทั่วประเทศ

 

ไฟเซอร์

 

ล่าสุดในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์โพสต์ของบุคลากรทางการแพทย์ท่านหนึ่ง ที่ จ.ปัตตานี  ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวตัดพ้อว่า โดยระบุว่า "หมดกำลังใจทำงานมากๆ น้ำตาแทบร่วง เมื่อรู้ว่าต้องมาจับสลาก และต้องมี 6 คนใน ER ที่ไม่ได้ฉีดไฟเซอร์"

 

แพทย์น้ำตาร่วง


ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้ ยังได้มีการโพสต์ระบุข้อความว่า "จ.ปัตตานี ขอวัคซีนไฟเซอร์ไป 3,380 โดส แต่ได้รับมาเพียง 2,160 โดส หรือคิดเป็น 63.9% เท่านั้น" และยังมีการโพสต์ระบุอีกว่า "ปลัดกระทรวง​ Video Conference แจ้งว่า​วันนี้จะส่ง​ไฟเซอร์ที่เหลือให้​ จังหวัดต่าง ๆ จนครบ​ 700,000 โดส ตามที่วางแผนไว้​ สำหรับบุคลากร​ทา​งการแพทย์​ที่ยังตกค้างในรอบแรก​ จะได้รับการฉีด​ไฟเซอร์ภายในอาทิตย์​หน้า"

 

แพทย์

 

แพทย์

 

ขณะที่ทางเพจเฟซบุ๊ก "ภาคีบุคลากรสาธารณสุข" ได้โพสต์เชิญชวนบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ให้ร่วมกันลงชื่อทวงคืนวัคซีนไฟเซอร์ โดยระบุว่า "บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าทุกคนที่คุณสมบัติเข้าเกณฑ์ควรได้รับไฟเซอร์!”
เครือข่ายบุคลาการทางการแพทย์ ขอเชิญบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าผู้ผ่านเกณฑ์ได้รับวัคซีนไฟเซอร์และแสดงเจตจำนงขอรับแล้วแต่ไม่ได้รับร่วมลงชื่อ เพื่อส่งเสียงบอกว่ามีด่านหน้าอีกจำนวนเท่าใดที่ไม่ได้รับวัคซีนที่ควรได้รับ เพื่อช่วยกันส่งข้อมูลการบริหารจัดการวัคซีนที่ไม่เป็นไปตามคำสัญญามารวบรวมไว้อย่างเป็นระบบเพื่อนำไปขับเคลื่อนเชิงนโยบายในอนาคตต่อไป อีกทั้งยังเป็นการแสดงออกให้ผู้เกี่ยวข้องกับการกระจายวัคซีนไฟเซอร์ตระหนักถึงพลังของบุคลากรทางการแพทย์


เมื่อวัคซีน mRNA ที่เราเรียกร้องให้เป็นวัคซีนหลักมาถึงแต่กลับมีอุปสรรคมากมายทำให้พวกเราไม่อาจได้รับวัคซีน อาทิเช่น หลายโรงพยาบาลจัดสรรโควตาวัคซีนไฟเซอร์ไม่เพียงพอต่อจำนวนบุคลากรผู้ผ่านเกณฑ์ ทำให้ต้องจัดสรรวัคซีนโดยลำดับความเสี่ยงของบุคลากรฯ ด่านหน้าจากมากไปน้อย ทั้งที่ในความเป็นจริงด่านหน้าทุกคนล้วนมีความเสี่ยงไม่ต่างกัน อีกทั้งเกณฑ์ที่ใช้กำหนดยังไม่อาจสอบทานได้,


บางโรงพยาบาลยืนยันว่าจะฉีดไฟเซอร์ให้บุคลากรเป็นวัคซีนเข็มกระตุ้น (booster dose) หลังบุคลากรฯ ได้รับวัคซีนซิโนแวค (Sinovac) 2 เข็มเท่านั้น ซึ่งเป็นการยึดตามเกณฑ์เก่าไม่ใช่เกณฑ์ปัจจุบัน อีกทั้งยังมีการจัดสรรไฟเซอร์ให้แต่ละจังหวัดอย่างไม่สอดคล้องกับการระบาด ไม่มีข้อกำหนดชัดเจนแจ้งว่า เหตุใดบางจังหวัดจึงได้รับวัคซีนมากกว่าจังหวัดที่มีการระบาดมากกว่า ฯลฯ ภาวการณ์เหล่านี้บั่นทอนขวัญกำลังใจ และทำลายความเชื่อมั่นในการบริหารจัดการวัคซีนอย่างมาก เครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์ จึงมีข้อเรียกร้องเกี่ยวกับการกระจายวัคซีนไฟเซอร์ต่อกระทรวงสาธารณสุข ดังนี้


1. จัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ สำหรับเป็นวัคซีนเข็มกระตุ้น (booster dose), เป็นวัคซีนเข็มแรกและเข็มที่สองสำหรับผู้ไม่เคยฉีด, เป็นวัคซีนเข็มที่สองสำหรับผู้ฉีดวัคซีนเข็มแรกไปแล้ว, อีกทั้งจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า “ทุกคน” ที่ประสงค์จะรับวัคซีน ทั้งนี้หากจำนวนวัคซีนที่จัดสรร 700,000 โดสไม่เพียงพอ เราขอเรียกร้องให้รัฐจัดหาวัคซีน mRNA ให้บุคลากรทางการแพทย์เป็นการเร่งด่วน


2. เปิดเผยว่ารัฐใช้เกณฑ์ใดในการจัดสรรวัคซีนให้แก่จังหวัดต่างๆ และโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อความโปร่งใส เป็นธรรม


3. เปิดเผยจำนวนวัคซีนไฟเซอร์ที่แต่ละจังหวัดส่งชื่อยื่นขอ และจำนวนที่จัดสรรให้จริงทุกจังหวัด


4. แจ้งแผนการกระจายวัคซีนไฟเซอร์ล็อตที่สองซึ่งเตรียมส่งมอบให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า ทั้งจำนวน และการกระจายไปยังแต่ละจังหวัด


ทั้งนี้ระหว่างข้อเรียกร้องต่างๆ กำลังเดินทางต่อไปถึงรัฐ เราอยากขอเชิญชวนบุคลากรทางการแพทย์ทุกท่านที่มีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์ได้รับไฟเซอร์แต่ไม่ได้รับ ร่วมกันส่งข้อมูลตามลิ้งค์ https://tinyurl.com/WhereIsOurPfizer หรือ QR code ที่ปรากฎ เพื่อแสดงเจตจำนงและพลังของพวกเราอีกทางหนึ่ง อีกทั้งข้อมูลที่ได้เราจะรวบรวมไว้อย่างเป็นระบบเพื่อนำไปขับเคลื่อนเชิงนโยบายต่อไป


พวกเราเป็นมนุษย์ พวกเราเหนื่อยได้ เจ็บปวดเป็น และมีโอกาสเสียชีวิตได้ไม่แตกต่างจากคนทั่วไป แต่วันนี้พวกเราแบกรับความเสี่ยง เป็นด่านหน้าให้กับศึกครั้งนี้ เราคาดหวังว่า รัฐจะกระจายวัคซีนให้พวกเราอย่างเป็นธรรม

เครือข่ายบุคลากรทางการแพทย์
9 สิงหาคม 2564
#ทวงไฟเซอร์ให้ด่านหน้า #ไฟเซอร์หายไปไหน
Nurses Connect นิสิตนักศึกษาแพทย์เพื่อประชาธิปไตย DNA บุคลากรทางการแพทย์และอาสาสมัคร IFMSA Thailand Official

 

แพทย์

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews