แอมเนสตี้มาแบบฟาดๆ ส่งจี้รัฐบาลใช้คำสั่งล็อคดาวน์ ให้เกิดประโยนช์

จากความผิดพลาดในการแก้ปัญหาของโรคระบาดของโควิด 19 จนส่งผลทำให้ รัฐบาลไทยจำต้องสั่งประกาศเคอร์ฟิวและล็อคดาวน์พื้นที่เสี่ยงสูง ทำให้กิจการ กิจกรรม และร้านค้ารายพื้นที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จนหลายคนออกมาเรียกร้องขอให้รัฐบาลเยียวยาโควิด ซึ่งทางคณะรัฐมนตรีได้หารือกันจนได้ข้อสรุปแล้วว่า จะมีการเยียวยา 5 อาชีพในพื้นที่สีแดงเข้มอย่างแน่นอน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- รอเฮ! ลุ้นแจกเงินเพิ่ม คนละครึ่ง - เราชนะ - ม.33 เรารักกัน เตรียมเสนอ ครม. เยียวยาโควิด เงื่อนไขยังไงรายละเอียดครบแล้วที่นี่
- เฮเลยดังๆ! มาตรการเยียวยาล่าสุด ครม.อนุมัติเรียบร้อย พื้นที่สีแดงเข้ม 5 อาชีพได้เงินแน่ แถมพ่วงลดค่าน้ำ - ไฟ 2 เดือน 
- คอมเม้นต์สนั่น! วิษณุ เครืองาม ตอกกลับเพจดัง หลังประกาศกฎใหม่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คนตีความ "ห้ามโพสต์สร้างความหวดกลัว แม้เป็นความจริง?"

 

ทว่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้าน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้เปิดเผยว่า ทางการไทยต้องแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด ด้วยการใช้มาตรการที่สอดคล้องกับหลักการด้านสิทธิมนุษยชน รวมทั้งการควบคุมจำกัดที่มีสัดส่วนเหมาะสม เป็นการดำเนินงานชั่วคราวและมุ่งประโยชน์อย่างชัดเจนเพื่อคุ้มครองสาธารณสุขที่จำเป็น

โดย มิงยู ฮาห์ รองผู้อำนวยการสำนักงานภูมิภาคฝ่ายรณรงค์ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้แถลงถึงเรื่องนี้ว่า ทางการควรเน้นการจัดหาวัคซีนที่เข้าถึงได้สำหรับประชาชนทุกคนโดยเร็วสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ว่าพวกเขาเป็นใคร อยู่ที่ไหน และมีความสามารถในการซื้อหรือไม่ และให้เริ่มจากการฉีดวัคซีนกลุ่มที่มีความจำเป็นมากที่สุดก่อน

"แม้การควบคุมหรือจำกัดสิทธิในเสรีภาพการชุมนุมโดยสงบอาจกระทำได้ หากเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินงานที่จำเป็นเพื่อคุ้มครองสาธารณสุขของสังคม ทว่าบุคคลที่ถูกดำเนินคดีจากการละเมิดมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม อันเป็นผลมาจากการชุมนุมโดยสงบจะต้องไม่ถูกลงโทษจำคุก" รองผู้อำนวยการสำนักงานภูมิภาคฝ่ายรณรงค์ แอมเนสตี้ กล่าว 

อย่างไรก็ตาม มิงยู ฮาห์ ยังได้ทิ้งท้ายอีกว่า นอกจากนั้น ประชาชนยังต้องสามารถแสดงความเห็นได้อย่างเสรีภาพผ่านโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับการรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิดของรัฐบาลโดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกดำเนินคดีอาญา