จากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 ที่ได้แพร่ระบาดไปทั่วโลก นับเวลาเกือบ 3 ปีที่ทั่วโลกต้องต่อสู้กับโควิด 19 ซึ่งต้องยอมรับว่าในหลายๆ ประเทศเริ่มควบคุมสถานการณ์การได้จนทำให้พลเมืองในพื้นที่ไม่ต้องสวมหน้ากากอนามัยกันแล้ว
เว้นแต่ประเทศไทย ที่ยังต้องรับมืออย่างหนักกับเจ้าเชื้อไวรัสตัวนี้อยู่ และดูท่าว่าจะแย่ลงไปทุกขณะเนื่องจากเชื้อไวรัสเริ่มมีการกลายพันธุ์และทวีความรุนแรงมากขึ้น ยิ่งทำให้การรับมือในรูปแบบเดิมเริ่มใช้ไม่ได้ผล เพราะเชื้อกลายพันธุ์ถูกกำจัดไม่ได้โดยวัคซีนที่ไม่ได้คุณภาพ ทว่ารัฐบาลไทยก็ยังสั่งนำเข้ามาฉีดให้กับประชาชน
เกี่ยวกับเรื่องนี้ สื่อต่างประเทศจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว รายงานว่า ดร. รัตนชัย เพชรสุวรรณ ได้เปิดเผยแถลงการณ์จากศูนย์ป้องกันและควบคุมโควิด 19 ของสปป.ลาว ซึ่งยืนยันตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้อยู่ที่ 93 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมของประเทศอยู่ที่ 2,360 ราย
สิ่งที่น่าตกในในครั้งนี้คือ จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 93 รายดังกล่าว ตรวจพบที่แขวงสะหวันนะเขต 45 ราย, แขวงจําปาสัก 45 ราย, แขวงคำม่วน 1 ราย และแขวงบ่อแก้ว 2 ราย ซึ่งพบว่าผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เดินทางมาจากประเทศไทย
โดยในรายงานได้เปิดเผยนว่า ผู้ติดเชื้อภายในประเทศมีเพียง 2 รายเท่านั้น และเป็นเจ้าหน้าที่ชายแดนที่ประจำการอยู่ในพื้นที่แขวงจำปาสัก ส่วนที่เหลืออีกจำนวนมากถึง 91 ราย เป็นแรงงานที่เดินทางกลับมาจากประเทศไทย
ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งติดตามเส้นทางการแพร่เชื้อและดำเนินการสอบสวนโรคเพื่อคัดกรองกลุ่มเสี่ยงผู้มีประวัติสัมผัสใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ได้จัดสรรวัคซีนให้ประชาชนในพื้นที่ฉีดแล้ว ซึ่งวัคซีนที่ใช้ในประเทศได้แก่ ไฟเซอร์และซิโนฟาร์ม