"โควิดเดลตา" ขึ้นแท่นสายพันธุ์หลักในสหรัฐฯ หลังผู้ติดเชื้อใหม่เกินครึ่ง

08 กรกฎาคม 2564

xinhuatha เปิดเผยว่า ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) ประเมินว่าโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ชนิดกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา (Delta) สามารถเอาชนะสายพันธุ์อัลฟา (Alpha) ขึ้นแท่นเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐฯ แล้ว

ศูนย์ฯ ระบุว่าสายพันธุ์เดลตาถูกพบครั้งแรกในอินเดียและขณะนี้แพร่กระจายไปยังมากกว่า 100 ประเทศ ครองสัดส่วนร้อยละ 51.7 ของจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ในสหรัฐฯ ในระยะเวลา 2 สัปดาห์ (นับถึงวันที่ 3 ก.ค.) ขณะที่สัดส่วนผู้ป่วยรายใหม่ของสายพันธุ์อัลฟา ซึ่งพบครั้งแรกในสหราชอาณาจักร อยู่ที่ร้อยละ 28.7

 

ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและคณะผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าสายพันธุ์เดลตากำลังจะกลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐฯ เนื่องจากความชุกในประเทศเพิ่มขึ้น 2 เท่าทุกสองสัปดาห์ ทั้งยังแสดงความกังวลว่าสายพันธุ์เดลตาจะทำให้จำนวนผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบหนักที่สุดต่อประชาชนที่ยังไม่ได้รับวัคซีน

ศูนย์ฯ ได้รับรายงานการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยในรัฐที่มีอัตราการฉีดวัคซีนลดลง ได้แก่ แอละแบมา อาร์คันซอ ลุยเซียนา และมิสซิสซิปปี อย่างไรก็ดี แม้สายพันธุ์เดลตาจะแพร่เชื้อได้ง่าย แต่ผลวิจัยพบว่าวัคซีนส่วนใหญ่ยังคงมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและการเสียชีวิตจากสายพันธุ์ดังกล่าว

เมื่อวันอังคาร (6 ก.ค.) โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผลักดันชาวอเมริกันที่มีสิทธิทุกคนเข้ารับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 พร้อมเน้นย้ำความสำคัญของวัคซีนในการป้องกันสายพันธุ์เดลตา

ทั้งนี้ สหรัฐฯ มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงสุดในช่วงกลางเดือนเมษายน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อัตราการฉีดวัคซีนในระยะ 7 วัน เฉลี่ยอยู่ที่ราว 3.4 ล้านโดสต่อวัน ทว่าอัตราดังกล่าวทยอยลดลงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ข้อมูลจากศูนย์ฯ ชี้ว่าราวร้อยละ 47.6 ของประชากรสหรัฐฯ ได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบโดสแล้ว และอีกร้อยละ 55.1 ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส เมื่อนับถึงวันพุธ (7 ก.ค.)

เมื่อเดือนพฤษภาคม ไบเดนตั้งเป้าหมายฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส ให้ผู้ใหญ่ชาวอเมริกันร้อยละ 70 ภายในวันที่ 4 ก.ค. แต่กลับมีเพียง 18 รัฐ และกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ที่บรรลุเป้าหมายดังกล่าวตามกำหนด

โควิดเดลตา  ประชาชน

ที่มา xinhuathai