อัยการฟ้อง หลงจู๊สมชาย จ้างวานสังหารวินมอไซค์ ไร้ญาติยื่นประกันตัว

18 มิถุนายน 2564

พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสมชาย หรือหลงจู๊ จุติกิติ์เดชา อายุ 55 ปี ชาว จ.ระยอง และ นายมนัส อิ่มนำ อายุ 40 ปี ชาว จ.ชลบุรี เป็นจำเลยที่ 1-2 โดยนายสมชาย จำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐาน ร่วมกันใช้ จ้างวาน ให้ฆ่าผู้อื่นตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

วันนี้ (18 มิ.ย.2564) พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสมชาย หรือหลงจู๊ จุติกิติ์เดชา อายุ 55 ปี ชาว จ.ระยอง และ นายมนัส อิ่มนำ อายุ 40 ปี ชาว จ.ชลบุรี  เป็นจำเลยที่ 1-2 โดยนายสมชาย จำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐาน ร่วมกันใช้ จ้างวาน ให้ฆ่าผู้อื่นตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) ประกอบมาตรา 84 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2559 มาตรา 8

 

ส่วนนายมนัส จำเลยที่ 2 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุปีนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ใด้รับอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนติตตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว โดยไม่มีเหตุสมควร และโดยไม่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33,83,289 (4), 371 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2526 มาตรา 4 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเตมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2558 มาตรา 6 พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปีน พ.ศ.2490 มาตรา 4, 7, 8ทวิ,72 วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง 

คำฟ้องระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อระหว่างวันที่ 15 - 28 ก.ค. 2563 เวลากลางวัน และเวลากลางคืนต่อเนื่องกัน นายถาวร สาระกูล และ นายสุพรรณ ใหม่งาม ที่หลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันใช้จ้างวาน นายมนัส จำเลยที่ 2 กับนายนิพนธ์ ปานทอง วางแผนจัดการฆ่า นายประทุม สอาดนัก โดยเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน โดยจ้างวานเป็นเงิน 200,000 บาท ซึ่งนายมนัส จำเลยที่ 2 กับพวกตกลงรับงานฆ่านายประทุม สอาดนัก ตามที่ถูกใช้จ้างวานให้กระทำความผิดดังกล่าว

ต่อมาเมื่อระหว่างวันที่ 23 -28 ก.ค.2563 นายมนัส จำเลยที่ 2 ได้มีอาวุธปืนพกออโตเมติก (ประกอบขึ้นเอง) ใช้ยิงได้กับกระสุนปีนออโตเมติก ขนาด.45 (11 มม.) ไม่มีเครื่องหมายทะเบียน (ปืนเถื่อน) และไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนอาวุธปืนท้องที่ตามกฎหมาย จำนวน 1 กระบอก พร้อมซองกระสุนปืน จำนวน 1 อัน และกระสุนปืนออโตเมติก ขนาด.45 จำนวน 6 นัด อันเป็นอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปีนตามกฎหมาย ซึ่งอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนดังกล่าวอยู่ในสภาพที่ใช้ยิงร่วมกันได้ และใช้ยิงทำอันตรายแก่ชีวิตและวัตถุได้ ไว้ในครอบครอง เพื่อนำไปใช้เป็นอาวุธสังหารนายประทุม สอาดนัก โดยเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อน อันเป็นความผิดตามฟ้อง

หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 28 ก.ค.2563 เวลากลางวัน นายมนัส จำเลยที่ 2 กับนายนิพนธ์ ที่หลบหนียังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้ร่วมกันวางแผนสังหารนายประทุม สอาดนัก โดยพาอาวุธปืนดังกล่าวติดตัวไปที่บริเวณวินรถจักรยานยนต์รับจ้าง แหลมบาลีฮาย ถนนพัทยาใต้ ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ที่นายประทุม สอาดนัก ขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างอยู่ที่วินดังกล่าว เพื่อดักรอเมื่อนายประทุม ได้รับผู้โดยสารเป็นหญิง 1 คน นั่งซ้อนท้ายออกจากวินรถจักรยานยนต์ไปส่งผู้โดยสาร นายมนัส จำเลยที่ 2 กับนายนิพนธ์ ใช้รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้ารุ่นพีซีเอ็กซ์ สีน้ำเงิน ติดแผ่นป้ายทะเบียนป้ายแดง จำนวน 1 คัน มีนายนิพนธ์ เป็นคนขับขี่ ส่วนนายมนัส จำเลยที่ 2 เป็นคนนั่งซ้อนท้าย นำอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่มีใส่เก็บไว้ในกระเป๋าสะพายสีดำที่จำเลยที่ 2 สะพายอยู่ ขับรถสะกดรอยติดตามรถจักรยานยนต์ของนายประทุม ที่กำลังขี่ไปส่งผู้โดยสารหญิง ในซอยพัทยาใต้ 17 หลังโรงเรียนเมืองพัทยา 8 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จังหวัด จ.ชลบุรี อันเป็นการพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยไม่มีเหตุสมควร และไม่ใช่กรณีที่ต้องมีอาวุธปีนติดตัวไปเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ อีกทั้งไม่ใช่เจ้าพนักงานและไม่ได้รับการยกเว้นตามกฎหมาย

จากนั้นระหว่างที่นายประทุม ยังคงนั่งคร่อมอยู่บนรถจักรยานยนต์ซึ่งจอดอยู่ตรงใกล้ประตูหลังโรงเรียนเมืองพัทยา 8 คนร้ายทั้งสองคน ขี่รถจักรยานยนต์นั่งซ้อนท้ายติดตามมาทันพอดี นายมนัส จำเลยที่ 2 จึงใช้อาวุธปืนที่บรรจุเครื่องกระสุนยิงนายประทุม จำนวน 1 นัด  โดยเจตนาฆ่า กระสุนปืนถูกบริเวณกะโหลกศีรษะด้านหลังทะลุออกบริเวณหัวตาขวาลูกตาฉีก เป็นเหตุให้นายประทุม ถึงแก่ความตายทันทีในที่เกิดเหตุ

เหตุเกิดที่ ต.เชิงเนิน อ.เมืองระยอง จ.ระยอง และ ต.นาเกลือ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เกี่ยวพันกัน

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจยึดลูกกระสุนปืน ออโตเมติก (ทองแดงหุ้มตะกั่ว) ขนาด .45  จำนวน 1 ลูก และปลอกระสุนออโตเมติก ขนาด.45 จำนวน 1 ปลอก ที่ตกอยู่บริเวณที่เกิดเหตุไม่ไกลจากศพนายประทุม สอาดนัก ที่ใช้ในการกระทำผิดดังกล่าวไว้เป็นของกลาง ต่อมาวันที่ 29 ก.ค.2563 เจ้าหน้าพนักงานตำรวจได้ตรวจยึดรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า รุ่นพีซีเอ็กซ์ สีน้ำเงิน ติดแผ่นป้ายทะเบียนป้ายแดง จำนวน 1 คัน ที่นายมนัส จำเลยที่ 2 กับพวกใช้เป็นพาหนะในการไปกระทำผิด รวมทั้งอาวุธปืนพกออโตเมติก (ประกอบขึ้นเอง) ใช้ยิงได้กับกระสุนปีนออโตเมติกขนาด.45  ไม่มีเครื่องหมายทะเบียนจำนวน 1กระบอก พร้อมซองกระสุนปืน
จำนวน 1 อัน ภายในซองกระสุนปืนมีลูกกระสุนปีนออโตเมติก ขนาด.45 จำนวน 5 นัด ที่นายมนัส จำเลยที่ 2 มีไว้และใช้ในการกระทำผิด หลังจากนั้นวันที่ 30 ก.ค.2563 ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายมนัส จำเลยที่ 2 และนายนิพนธ์ ตามหมายจับของศาลจังหวัดพัทยา ที่ จ.206/2563 และที่ จ.207/2563 ลงวันที่ 30 ก.ค.2563 ตามลำดับ และได้ยึด โทรศัพท์เคลื่อนที่ ยี่ห้อซัมซุง สีดำ ของนายมนัส จำเลยที่ 2 และ โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ Huawei สีดำ ของนายนิพนธ์ ซึ่งทั้งสองใช้ติดต่อในการกระทำความผิด

และวันที่ 8 ธ.ค. 2563 ตำรวจได้จับกุมตัว นายถาวร สาระกูล และนายสุพรรณ ใหม่งาม ซึ่งได้ร่วมกับนายสมชาย จำเลยที่ 1 ใช้จ้างวานจำเลยที่ 2 กับพวกไปฆ่าผู้ตาย  และได้ยึดโทรศัพท์เคลื่อนที่ ยี่ห้อแอปเปิ้ล รุ่นไอโฟน 7 พลัส สีดำ ของนายถาวร สาระกูล และโทรศัพท์เคลื่อนที่ ยี่ห้อแอปเปีล รุ่นไอโฟน 4 สีเทา ของนายสุพรรณ ใหม่งาม ที่ใช้ในการติดต่อสั่งการ นายมนัส จำเลยที่ 2 และรับคำสั่งจาก นายสมชาย จำเลยที่ 1 ในการวางแผนและฆ่าผู้ตาย ขณะที่ตำรวจได้จับกุมตัวนายสมชาย จำเลยที่ 1 เมื่อวันที่ 25 มี.ค.2564 ก่อนส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ซึ่งพนักงานสอบสวนได้สอบสวนนายสมชาย จำเลยที่ 1 และนายมนัส จำเลยที่ 2 แล้ว

ในชั้นสอบสวน นายสมชาย จำเลยที่ 1ให้การปฏิเสธ ส่วนนายมนัส จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพตลอดข้อหา

โดยระหว่างสอบสวน นายสมชาย จำเลยที่ 1 ถูกควบคุมตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.2563 มาตลอด และขณะนี้ต้องขังตามหมายขังของศาล จึงขอได้เบิกตัว นายสมชาย จำเลยที่ 1มาพิจารณาพิพากษาต่อไป ส่วนนายมนัส จำเลยที่ 2 และนายนิพนธ์ ปานทอง ผู้ต้องหา หลังจากถูกจับกุมตัวเมื่อวันที่ 30 ก.ค.2563 พนักงานสอบสวนได้นำตัวทั้งสองคน ไปฝากขังต่อศาลจังหวัดพัทยาจนครบระยะฝากขัง 84 วัน พนักงานสอบสวนยังสอบสวนไม่เสร็จ ศาลจังหวัดพัทยาจึงได้ปล่อยตัวไป ซึ่งต่อมาพนักงานสอบสวนได้ยื่นขอศาลอาญาออกหมายจับนายมนัส และนายนิพนธ์ ซึ่งศาลอาญาได้ออกหมายจับนาย มนัส จำเลยที่ 2 และนายนิพนธ์  ผู้ต้องหา ตามหมายจับที่ 888/2564 และที่ 889/2564 ลงวันที่ 10 มิ.ย.2564 ตามลำดับ ต่อมาวันที่ 16 มิ.ย.2564 ตำรวจได้จับกุมตัวนายมนัส จำเลยที่ 2 ได้ที่จ.ชลบุรี ส่งพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย  ส่วนนายนิพนธ์ ผู้ต้องหา อยู่ระหว่างการสืบสวนติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป

สำหรับนายถาวร สาระกูล และ นายสุพรรณ ใหม่งาม หลังจากที่ถูกจับกุมตัวตามหมายจับของศาลอาญา ก็ได้ส่งพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 2กองบังคับการปราบปรามดำเนินคดี พนักงานสอบสวนได้นำตัวนายถาวร สาระกูล และนายสุพรรณ ใหม่งาม ฝากขังต่อศาลอาญา จนครบกำหนดฝากขัง 84 วัน แต่เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จลิ้น ศาลจึงได้ปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งสองไป ต่อมาพนักงานสอบสวนได้ยื่นขอศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสอง ศาลอาญาได้ออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองดังกล่าวแล้ว ตามหมายจับที่ 891/2564 และที่ 890/2564 ลงวันที่ 10 มิ.ย.2564 ตามลำดับ กำลังอยู่ระหว่างสืบสวนติดตามตัวผู้ต้องหาทั้งสองมาดำเนินคดีต่อไป

ท้ายคำฟ้องยังระบุว่า ก่อนกระทำผิดคดีนี้ นายมนัสจำเลยที่ 2 เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลจังหวัดพัทยา ให้จำคุก 2 ปี ในความผิดฐานพยายามวิ่งราวทรัพย์ ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1387/2558 พ้นโทษเมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2561ภายในระยะเวลา 5 ปี นับแต่วันพ้นโทษจำคุกดังกล่าว นายมนัส จำเลยที่ 2 ได้กลับมากระทำผิดคดีนี้อีก จึงขอศาลเพิ่มโทษจำคุกแก่ นายมนัส จำเลยที่ 2 ในคดีนี้ตามกฎหมาย

และหากจำเลยที่ 1-2  ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ขอให้อยู่ในดุลพินิจของศาล ซึ่งปรากฎว่าไม่มีญาติมายื่นประกันตัวจำเลยทั้งสองคนแต่อย่างใด