สังคม

heading-สังคม

"อดีตผอก.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ" เผย 3 ประเด็น ทำไมวัคซีนไม่มาตามนัด

15 มิ.ย. 2564 | 12:22 น.
"อดีตผอก.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ" เผย 3 ประเด็น ทำไมวัคซีนไม่มาตามนัด

นพ.จรุง เมืองชนะ อดีต ผอก.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุถึงหัวข้อ สาเหตุวัคซีนโควิดไม่มาตามนัด โดยได้ตั้งประเด็นหลักๆเอาไว้อย่างเข้าใจง่าย 3 ประเด็น

นพ.จรุง เมืองชนะ อดีต ผอก.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุข้อความว่า

สาเหตุวัคซีนโควิดไม่มาตามนัด

ในฐานะ ผอก.สถาบันวัคซีนคนเก่า ผมไม่แน่ใจว่าควรแสดงความเห็น กรณีวัคซีนโควิดไม่มาตามนัด ทั้งใน กทม. และอีกหลายจังหวัด, ตามคำเชิญของทีวีช่องใหญ่แห่งหนึ่งดีหรือไม่, ผมไม่อยากพูดอะไรมาก เพราะเห็นใจทุกฝ่าย การบริหารวัคซีนระดับชาติมันซับซ้อนกว่าที่คนทั่วไปเข้าใจมากมาย โดยเฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉิน.

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

heading-ข่าวที่เกี่ยวข้อง

การบริหารยาและเวชภัณฑ์ ให้เพียงพอกับความต้องการในภาวะระบาดหนักหน่วงว่ายากแล้ว แต่วัคซีนยากกว่าหลายเท่าครับ. เพราะวัคซีนเป็นสิ่งมีชีวิต หรือผลิตจากชิ้นส่วนของสิ่งมีชีวิต, มีความผันแปรได้สูงยิ่ง ต้องควบคุมคุณภาพกันอย่างเคร่งครัด ทุกขั้นทุกตอน, ต้องทำการเพาะเชื้อ, การเร่งผลิตเพิ่มปริมาณตามความต้องการในเวลาสั้นทำได้ยาก ถึงยากที่สุด, แม้กำไรมหาศาลล่อตาล่อใจบริษัทผู้ผลิตอยู่ทนโท่ก็ตาม. ความขาดแคลนและภาวะการแย่งวัคซีนในสถานการณ์ระบาดแบบแพนเดมิค(Pandemic)ของโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน จึงพบได้ เป็นปัญหาในทุกหัวระแหง ทุกระดับ ทั่วโลก, เกิดกับทุกโรคที่มีการระบาดวงกว้าง ไม่เฉพาะโควิดวัคซีน.

ผมตั้งข้อสงสัยหรือสร้างสมมุติฐาน ว่าปัญหาสำคัญของวัคซีนไม่มาตามนัด มีเพียง 3 ประการหลัก

ประการแรก คือ วัคซีนมีน้อย และถูกใช้จนหมด ใช้แบบไม่เหมาะสม คลาดเคลื่อน ไปจากมาตรการและนโยบายที่วางไว้ ใช่หรือไม่?

แม้ข้อมูลผลการกระจายและฉีดวัคซีน กว่า 7 ล้านโด๊ส ตั้งแต่ 28 ก.พ. ถึงเมื่อวาน 13 มิ.ย. ที่ผ่านมา ทำให้อุ่นใจได้ระดับหนึ่ง ว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขไทยได้รับวัคซีนอย่างน้อยหนึ่งเข็มแล้ว 100.9% จากเป้าหมาย 712,000 คน

ข้อมูลนี้ทำให้ชื่นใจ สะท้อนว่าเราทำได้ นั่นคือระบบการบริหารและการให้บริการวัคซีนของรัฐบาลที่มีอยู่มีประสิทธิภาพพอสมควร และประสบความสำเร็จแล้วระดับหนึ่ง, เป็นไปตามวัคซีนโรดแมป(Vaccine roadmap) ขององค์การอนามัยโลก(WHO) ที่กำหนดไว้ว่า เหนือสิ่งอื่นใดจะต้องรักษาโครงสร้างพื้นฐานทางสาธารณสุขเอาไว้ ปล่อยให้ล่มไม่ได้เด็ดขาด.

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขมันฟ้อง ว่าเปอร์เซ็นต์การได้รับวัคซีนในกลุ่มเป้าหมายอื่นในโรดแมปดังกล่าว มันผิดเพี้ยนไป. เพื่อลดการป่วยรุนแรงและการป่วยตายให้ได้มากที่สุด นี่คือคำตอบว่าทำไมผู้สูงอายุและผู้ป่วยโรคเรื้อรัง จึงถูก WHO จัดไว้ให้อยู่แถวหน้า เป็นกลุ่มที่ควรได้รับวัคซีนก่อนใคร, รองลงมา. แต่ผลการให้วัคซีนกลับตาลปัตร คือ ผู้สูงอายุ ได้รับเพียง 0.3% และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ได้รับ 1.5% ถูกแซงนำหน้าโดยประชาชนคนทั่วไป ซึ่งได้รับ 2.0% อย่างไม่น่าเชื่อ. ดูตัวเลขเปอร์เซ็นต์เหมือนไม่มาก แต่คิดเป็นจำนวนวัคซีนกว่าสองล้านโด๊สเลยทีเดียว.

ข้อมูลผลการฉีดวัคซีนดังกล่าว สะท้อนว่าการปฏิบัติการไม่เป็นไปตามแผนและนโยบายเสียแล้ว, ซ้ำเติมปัญหาการขาดแคลนวัคซีนให้ทวีความรุนแรงมากขึ้นไปอีก เพราะต้องสูญเสียวัคซีนไปให้กลุ่มที่ยังไม่ถึงเวลา (ประชาชนทั่วไป) กว่า 2.5 ล้านโด๊ส หรือ 40.8% ของวัคซีนที่ได้รับ*

ในสถานการณ์วัคซีนยังมีน้อยถึงน้อยมาก, WHO แนะนำ เน้นแล้วเน้นอีกให้ใช้เฉพาะกับพื้นที่ระบาด สำหรับกลุ่มเสี่ยงสูงสุด ดังกล่าวแล้ว ตามลำดับ เท่านั้น. ขัดกับข่าวคราวที่ได้ยินหนาหู, คงเป็นที่มาของปัญหาวัคซีนเดินไปไม่ถึงกลุ่มเป้าหมาย เช่น นำวัคซีนจำนวนมากไปปูพรมให้ประชาชนคนทั่วไปในบางแห่ง หรือแม้แต่การดึงไปให้กลุ่มอื่น ๆ ตามแต่จะสรรหาเหตุผล ดังที่หลายคนให้คำนิยามจนมองเห็นภาพ ว่า "วัคซีนการเมือง". ยังไม่เป็นที่ประจักษ์ ว่าเป็นการใช้อำนาจบารมีเพราะหวังดีหรือหวังเสียงกันแน่ แต่ที่ชัดเจน คือ กลุ่มที่เสี่ยงกว่าได้รับวัคซีนช้าลงอีกโข.

ขอย้ำว่า คำแนะนำของ WHO มีการทดสอบผลกระทบหรือผลได้ทางคณิตศาสตร์และสถิติ หรือที่เรียกกันว่าการทำโมเดล (Modeling) ในภาพกว้างระดับประเทศมาก่อนแล้ว สำหรับการเลือกให้วัคซีนในกลุ่มต่าง ๆ อย่างชาญฉลาด, มันยากมากที่จะมโน จินตนาการในสมองมนุษย์ เพราะต้องพิจารณาให้ครอบคลุมปัจจัยที่เกี่ยวข้องมากมาย พร้อม ๆ กัน เกือบทุกด้าน ที่ส่งผลถึงประโยชน์สูงสุดในภาพรวมที่ประเทศและนานาชาติจะได้รับจากแต่ละมาตรการ.

ประการที่สอง การประสานงาน และการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานแต่ละระดับไม่มีประสิทธิภาพ ไม่เพียงพอในการดำเนินงานให้สอดรับกัน ใช่หรือไม่?

โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลเชิงรุก การคาดการณ์ที่ใกล้เคียง ทั้งปริมาณวัคซีนภาพรวมระดับประเทศ และการแบ่งสันปันส่วนให้พื้นที่เป็นการล่วงหน้า เป็นรายสัปดาห์ ตามสถานการณ์ระบาดและประชากรกลุ่มเป้าหมายในแต่ละพื้นที่, ผมยังค้นเอกสารเหล่านี้ไม่เจอเลย, หรือมันเป็นความลับดับมืด ที่เปิดเผยไม่ได้ หรือถูกตัดหน้าแย่งวัคซีนไปใช้นอกแผน หรือต้องเกรงใจใครบางคนมากกว่ากลัวการสูญเสียชีวิตของประชาชนหรือไม่. เท่าที่ค้นพบ คือ การแถลงข่าว ว่ากรมควบคุมโรคได้จัดสรรวัคซีนตามเกณฑ์และนโยบายของ ศบค. แล้ว, ส่วนการนำวัคซีนไปใช้หรือกระจายต่อ รวมทั้งการแก้ปัญหาขาดแคลน หรือวัคซีนมาไม่ทันเวลา เป็นหน้าที่ของพื้นที่ต้องดำเนินการอย่างเหมาะสมเอง.

เรื่องนี้ พรบ. ความมั่นคงด้านวัคซีนแห่งชาติ พ.ศ. 2561 วางแนวทางการดำเนินการไว้แล้ว โดยให้อำนาจคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ (นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน) ในการจำกัดสิทธิประชาชนและนิติบุคคล เพื่อบริหารจัดการวัคซีนให้มีใช้อย่างเพียงพอภายในประเทศ ทั้งการสนับสนุนการนำเข้า ควบคุมการผลิต และการส่งออกวัคซีน รวมถึงการเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง ให้ข้อมูล, จึงปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบไม่มีข้อมูลประมาณการปริมาณวัคซีนรายสัปดาห์ ที่ควรแจ้งให้หน่วยล่างรับทราบล่วงหน้า เพื่อการวางแผนจัดบริการวัคซีนอย่างเหมาะสมต่อไปได้.

ประการที่สาม การใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์ เพื่อติดตามประเมินผลเชิงนโยบายยังไม่เพียงพอ ยังตื้นเกินไปหรือไม่. ใครได้รับวัคซีนครอบคลุมกี่เปอร์เซ็นต์เสนอกันแต่ภาพรวมทั้งประเทศ ผิวเผิน มิอาจใช้สะท้อนว่าการดำเนินการให้วัคซีนสอดรับกับมาตรการและนโยบายดีเพียงไร ในแต่ละพื้นที่ และหน่วยงาน?

ควรนำข้อมูลการได้รับวัคซีนมาจำแนกแยกแยะ ว่ากลุ่มเป้าหมายได้รับวัคซีนในแต่ละพื้นที่เป็นสัดส่วนตามสถานการณ์การระบาดหรือไม่ เช่น มีข่าวว่าบางจังหวัดมีผู้ป่วยน้อยแต่ได้วัคซีนมากกว่าใครเขา บางข่าวแจ้งว่าคุณหญิงคุณนายจากต่างจังหวัดใช้เส้นสายมารับวัคซีนถึงเมืองกรุง บอกแต่เพียงโค้ดลับก็ได้รับวัคซีนสมใจ ฯลฯ

นอกจากการสอบสวนความผิดปกติเฉพาะเหตุการณ์แล้ว การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก จำแนกรายพื้นที่ และหน่วยงาน จะช่วยตอบคำถามได้เช่นกันว่าระดับปฏิบัติการสอดรับกับนโยบายและมาตรการที่วางไว้หรือไม่.

ตัวอย่างของการได้รับวัคซีนในภาวะปกติ ก็เป็นปัญหาทำนองเดียวกัน, ท่านเชื่อไหมใน พ.ศ. นี้ การได้รับวัคซีนป้องกันโรคพื้นฐานกว่า 10 โรค ของคนไทย ค่าเฉลี่ยทั้งประเทศสูงกว่าหรือเป็นไปตามเป้าหมายเกือบทุกตัว บางตัวค่าเฉลี่ยเฉียดร้อยเปอร์เซ็นต์, แต่หากหันไปมองเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ความครอบคลุมต่ำจนน่าใจหาย, ใกล้เคียงหรือน้อยกว่าประเทศยากจนในอัฟริกาเสียอีก.

ผมเชื่อเหลือเกินว่า ถ้าแตกข้อมูลจำแนกแยกย่อยไปถึงระดับพื้นที่ และภาคส่วนต่าง ๆ เราอาจจะเจอการกระจายวัคซีนโควิดที่บิดเบี้ยวอย่างมโหฬารในบางแห่ง หรือบางหน่วยอย่างแน่นอน ตามที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวกันไปบ้างแล้ว

ปรมาจารย์ทางระบาดวิทยาสากลแนะนำไว้อย่างน่าสนใจ ว่าคำพูดและความคิดเห็นของคนหรือแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญ เชื่อถือได้น้อยที่สุด เมื่อเทียบกับแหล่งข้อมูลเชิงประจักษ์อื่น ๆ, เพราะคำพูดและความเห็นของคนมักมีอคติ(Bias) เจือปนอยู่ไม่มากก็น้อยเสมอ. ใช่ครับ เราควรเชื่อข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบและวิเคราะห์กันมาอย่างดีแล้วมากกว่า ชาติจะได้เจริญ หลุดออกจากกับดักประเทศรายได้ปานกลางเสียที.

*วิธีคำนวณ:
(1)จำนวนวัคซีนที่ใช้ในประชาชนทั่วไป 2.5 ล้านโด๊ส
(2)จำนวนวัคซีนที่กระจายออกไปทั้งหมด 7.0 ล้านโด๊ส

ดังนั้น การใช้วัคซีนในประชาชนทั่วไป เมื่อเทียบกับวัคซีนที่กระจายทั้งหมด = (2.5/7.0)×100 =40.8%

วัคซีน

 

ข่าวล่าสุด

heading-ข่าวล่าสุด

ข่าวเด่น

บุกยึดยาดมยี่ห้อดัง 2.4 ล้านชิ้น สั่งปิดโรงงานชั่วคราวแล้ว 2 แห่ง

บุกยึดยาดมยี่ห้อดัง 2.4 ล้านชิ้น สั่งปิดโรงงานชั่วคราวแล้ว 2 แห่ง

ราชกิจจาฯ ประกาศระเบียบคุรุสภา ค่าตอบแทนทดสอบวิชาชีพครู 2568

ราชกิจจาฯ ประกาศระเบียบคุรุสภา ค่าตอบแทนทดสอบวิชาชีพครู 2568

กรมอุตุฯ เตือนฝนเพิ่มทั่วไทย 31 ต.ค. หลายจังหวัดเสี่ยงน้ำท่วม

กรมอุตุฯ เตือนฝนเพิ่มทั่วไทย 31 ต.ค. หลายจังหวัดเสี่ยงน้ำท่วม

“เปิดรับด่วน! งานราชการ กกต. 2568 231 อัตรา สมัครออนไลน์ทันที!”

“เปิดรับด่วน! งานราชการ กกต. 2568 231 อัตรา สมัครออนไลน์ทันที!”

25 ผักปลูกง่าย เก็บกินได้ทั้งปี มีอะไรบ้าง วันนี้มีคำตอบ

25 ผักปลูกง่าย เก็บกินได้ทั้งปี มีอะไรบ้าง วันนี้มีคำตอบ