พี่ร้องขอความเป็นธรรมให้น้อง หลังถูกรุ่นพี่สถานบันดัง ย่านปทุมวัน ซ้อม

08 มิถุนายน 2564

ยังไงคนผิดก็ต้องโดนลงโทษ พี่ร้องขอความเป็นธรรม ให้น้องหวั่นดับฟรี ปมน้องชายเรียนสถานบันดัง ย่านปทุมวัน ถูก รุ่นพี่ ซ้อมจนเจ็บหนักอาการสาหัส ถูกเตะหน้าอก จนสุดท้ายหมอยื้อชีวิตไม่ไหว

เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ที่ผ่านมาโลกออนไลน์ได้มีการแชร์โพสต์ของสมาชิกผู้เฟซบุ๊กท่านหนึ่งได้ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้กับน้องชาย หลังจากทราบว่าน้องชายถูกรุ่นพี่มหาวิทยาลัยทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยทางหมอแจ้งว่าไม่เป็นเจ้าชายนิทราก็อาจเสียชีวิตจนสุดท้ายน้องชายจากไปอย่างเจ็บปวด ซึ่งครอบครัวได้นำร่างไร้วิญญาณกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดจังหวัดบุรีรัมย์

โดยพี่ชายได้โพสต์รายละเอียด พร้อมลำดับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น และแนบหลักฐานเป็นข้อความจากกลุ่มแชตที่คาดว่าเป็นของผู้ที่เกี่ยวข้องและรับรู้เหตุการณ์ ดังนี้

ขอความเป็นธรรมให้กับน้องชายเรียนสถานบันดัง ย่านปทุมวัน รุ่น 89

วันที่ 28 พฤษภาคม 2564

เมื่อเวลาประมาน เวลา 04.00 น. ได้รับโทรศัพท์จากแม่ว่าให้ไปดูน้องเพราะน้องหมดสติอยู่ที่ โรงพยาบาลหัวเฉียว (ในตอนนั้นแม่อยู่บ้าน อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ พี่ชายอยู่ที่ จ.ราชบุรี) เวลา 06.00 น. พี่ชายได้เดินทางมาถึง โรงพยาบาลหัวเฉียว พบสภาพน้องนอนอยู่ห้อง ICU ผู้ป่วยวิกฤติโรคหัวใจ ชั้น 7 (กรณีฉุกเฉิน) เจอสภาพที่ร่างกายเต็มไปด้วยอุปกรณ์การแพทย์ มือและถูกมัดติดกับเตียงเพราะอาการชัก เกร็ง ตาเหลือก (ร่างกายน้องมีรอยฟกช้ำบริเวณต้นแขนข้างซ้ายและแผลบริเวณหน้าอก) พี่ชายจึงได้สอบถามพยาบาลว่า รอยดังกล่าวคือรอยอะไร พยาบาลได้ตอบมาว่า เกิดจากการปั๊มหัวใจเป็นเวลานาน

 

พี่ขอความเป็นธรรมให้น้องปมถูกรุ่นพี่อุเทนถวายซ้อม

หลังจากที่เห็นอาการดังกล่าวแล้ว จึงออกมารอนอกห้อง ICU เพื่อรอแม่ เวลาประมาณ 10.00 น. แม่มาถึง รพ.หัวเฉียวจึงเข้าเยี่ยมพร้อมกันกับแม่อีก 1 รอบ สภาพน้องที่พบตอนนั้น มือและขาของน้องได้ถูกแกะเชือกออกแล้ว สายตาเริ่มเบาลง ตาลอย น้ำตาไหล แล้วแม่ได้เขย่าตัวน้องเพื่อปลุกให้ฟื้นจากอาการดังกล่าว พี่กับแม่ออกจากเยี่ยมน้อง ก็พบกลุ่มพี่ๆ และ เพื่อนๆ ที่กำลังไปเยี่ยมน้องที่โรงพยาบาล จึงได้พูดคุยกันถึงเรื่องกรณีดังกล่าว ได้ทราบข้อมูลว่า อยู่ดีๆ น้องช็อกและหมดสติไปเฉย ๆ จึงนำส่งโรงพยาบาลหัวเฉียว และแม่ได้สอบถามหารถยนต์ โทรศัพท์ กระเป๋าตัง และของมีค่าต่างๆ ของน้องว่าอยู่ที่ไหนให้เอามาให้แม่

เมื่อแม่เห็นท่าไม่ดีจึงโทรบอกพ่อ (พ่อเลี้ยงอยู่ อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์) ให้เก็บของน้องที่อยู่ กทม.(หอพัก) กลับบ้าน เพราะอาการน้องค่อนข้างที่จะกลับมาปกติยาก
 

วันที่ 29 พฤษภาคม 2564 (ได้โทรศัพท์น้องเวลาประมาณ 10.00 น. จากเพื่อน)

เหตุการณ์ทั่วไป พี่กับแม่ได้ไปเยี่ยมน้องตามปกติ แต่เข้าเยี่ยมไม่ได้เนื่องจากงดเยี่ยม จึงได้พบกับพยาบาล พยาบาลได้บอกกับทางญาติว่าให้รอก่อนนะ เดี๋ยวหมอจะมาคุยด้วย เวลาประมาณ 11.00 น. หมอได้พูดคุยกับพี่และแม่ว่า อาการของน้องที่พบคือ ปอดติดเชื้อ และน้ำท่วมปอด และหมอได้สอบถามทางพี่กับแม่ว่า น้องได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดหรือเปล่า ซึ่งพี่และแม่ไม่สามารถให้คำตอบเรื่องนี้ได้ เนื่องจากว่าอยู่ไกลกัน (แม่อยู่บุรีรัมย์ พี่อยู่ราชบุรี น้องอยู่ กทม.) รู้เพียงว่า ดื่มสุราและสูบบุหรี่ หลังจากที่ได้พูดคุยกัน หมอจึงบอกกับพี่และแม่ว่าเซลล์สมองน้องตาย ไม่สามารถกลับมาเป็นปกติได้อาจจะเป็นเจ้าชายนิทรา หรือเสียชีวิต เพราะสมองขายออกซิเจน หมอได้ช่วยปั๊มหัวใจ ประมาณ 19-20 นาที หมอได้บอกให้ญาติทำใจ

คืนวันที่ 29 พฤษภาคม 2564 พี่ชายได้เล่นโทรศัพท์ของน้องและได้เข้าสื่อโซเชียลต่างๆ (ได้รหัสโทรศัพท์จากแฟนน้อง) เจอข้อความใน Line Grup เลข 8 288 เจอบทความหนึ่งที่ชัดเจนระบุไว้ว่า "ที่น้องโดนเพราะน้องไม่ช่วยน้อง นายกตอบครับพี่ ที่พวกผมทำไปเพราะพวกผมอยากให้น้องช่วย ๆ กันครับน้องไม่ได้โดนเพราะความสะใจครับพี่" (มีข้อความอื่นอีกมากมายที่คุยกันในแชต)

30 พฤษภาคม 2564

พี่ชายเริ่มสงสัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่ามันไม่ปกติจึงได้เดินไปสอบถามพยาบาลเกี่ยวกับเรื่องของน้อง จากที่ได้ทราบสาเหตุ ขอให้พยาบาลตรวจร่างกาย วินิจฉัยหาสาเหตุให้แน่ชัด แต่พยาบาลได้ตอบว่า หมอก็ดูแลรักษาตรวจร่างกายตามปกติ ได้พบอาการตามที่บอก (ปอดติดเชื้อ น้ำท่วมปอด) พี่ชายจึงปรึกษากับพยาบาลว่า ถ้าอยากให้นิติเวชตรวจร่างกายต้องทำอย่างไร พยาบาลให้คำตอบว่า ให้ไปพบตำรวจทำบันทึกข้อความมา พี่ได้เดินทางไปที่ สน.ปทุมวัน มีร้อยเวรรับเรื่องและบันทึกข้อความให้ พี่ชายจึงส่งเรื่องต่อให้โรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลรับเรื่องไว้

31 พฤษภาคม 2564
เมื่อเวลาประมาณ 09.00-10.00 น. หมอได้นัดพี่และแม่เพื่อไปฟังอาการ พบโรคหัวใจบวม และได้คุยกันเรื่องสาเหตุต่างๆ และได้พบเพื่อนๆ ของน้องมาเล่าให้ฟังว่า น้องโดนเตะที่หน้าอก โดนกระทำจากรุ่นพี่ และได้บอกอีกว่ายอมให้ข้อมูลกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทำให้ความจริงเริ่มชัดเจน

เวลาประมาณ 11.00 น. พี่และแม่ได้เข้าพบอาจารย์มหาวิทยาลัย อาจารย์ให้เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น และพูดคุยกันกับเหตุการณ์ต่างๆ อาจารย์ได้บอกกับพี่และแม่ว่า จะช่วยทุกอย่างให้เต็มที่ หลังจากนั้นอาจารย์ได้เปิดกล้องวงจรปิดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ดู (เห็นแค่คนเดินเข้ากับเดินออก ไม่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด) และอาจารย์ยังได้บอกอีกว่า จะช่วยสืบสวนสอบสวนให้ หลังจากนั้นจึงได้พาไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในมหาวิทยาลัย ในระหว่างนั้นมีกลุ่มรุ่นพี่ที่รู้เหตุการณ์มาพูดคุยกับแม่และพี่ เกี่ยวกับเรื่องราวต่างที่น้องโดนกระทำ แต่ทางแม่ และพี่ชายไม่รับรู้เหตุการณ์ใดๆ จึงเชิญไปให้ปากคำที่ สน.ปทุมวัน เพื่อติดตามความคืบหน้า

ตำรวจไม่รับแจ้งความ และให้แม่กับพี่ชาย ไปหาหลักฐานมายืนยันเพิ่มเติมเพื่อความชัดเจน จึงมีกลุ่มผู้แสดงตนว่าเป็นผู้กระทำ ได้พูดคุยกันกับร้อยเวรถึงเรื่องประเด็นดังกล่าว ร้อยเวรจึงได้ถามว่า "ใครเป็นคนเตะ" แล้วคำตอบทุกอย่างถูกบ่ายเบี่ยงไม่ชัดเจน
 

1 มิถุนายน 2564
แม่และพี่ชายมาเยี่ยมน้องตามปกติ ในระหว่างนั้นได้พบกับพยาบาล พยาบาลได้แจ้งว่า เรื่องที่ส่งให้นิติเวชตรวจร่างกายมานั้น ไม่สามารถตรวจให้ได้ โดยให้เหตุผลว่า หมอนิติเวช ติดเชื้อ Covid-19 หลังจากที่แม่และพี่ชายได้ยินแบบนั้น ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจะหาวิธีอื่นต่อไป ในระหว่างนั้นได้มีประกันสังคมติดต่อมาเพื่อแจ้งการย้ายโรงพยาบาลในการรักษา (รพ.รัฐ) ได้ย้ายไปที่โรงพยาบาลมหาราช จังหวัดนครราชสีมา และได้ดำนินการต่างๆ เพื่อย้ายผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลมหาราช จังหวัดนครราชสีมา ถึงเวลาประมาณ 13.00 น. กว่าจะได้เตียงและได้รับการรักษาต่อ เกือบเวลา 20.00 น.

เมื่อได้เตียงแล้ว พยาบาลได้มีการตรวจอาการใหม่ตั้งแต่แรก จึงได้รู้ว่าอาการของน้องทรุดหนักมาก เพราะมาช้าเกินไป (ในระหว่างเคลื่อนย้ายแม่ได้เดินทางมากับน้องพร้อมกับรถพยาบาล)

วันที่ 2 มิถุนายน 2564
แม่ได้สังเกตอาการของน้อง เห็นอาการของน้องเริ่มแย่ลง จึงได้โทรฯ บอกให้พี่ชาย (กำลังดำเนินการส่งเอกสารหลักฐานให้กับ สน.ปทุมวัน อยู่) กลับมาที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา ด่วน เวลาประมาณ 18.00 น. พี่ชายได้เดินทางมาถึง รพ.มหาราชนครราชสีมา จึงได้เข้าเยี่ยม พบอาการชักเกร็ง ร่างกายชักกระตุก เหงื่อออก ไข้ขึ้น หายใจรุนแรง (อาการอาจเกิดจากการเคลื่อนย้าย) ทางแพทย์ได้เข้าปรึกษากับแม่และพี่ชายในการรักษาขั้นต่อไป และได้ถามการยินยอมเพื่อเซ็นเอกสารการรักษาต่อ (รักษาตามอาการ) ไม่ต้องยื้อชีวิต แม่และพี่ชายยินยอมเซ็นเอกสารดังกล่าว

 

พี่ขอความเป็นธรรมให้น้องปมถูกรุ่นพี่ซ้อม

 

วันที่ 4 มิถุนายน 2564
ย้ายเตียงจากมุมหนึ่งไปอีกมุมหนึ่งเพื่อให้อยู่ใกล้ชิดหมอมากยิ่งขึ้น ทางหมอกับแม่และพี่ชายเห็นว่าอาการไม่ดีขึ้น หมอจึงได้ปรึกษากับและพี่ชายว่า ที่ผ่านมาทางทีมแพทย์ได้รักษาอย่างเต็มที่ที่สุดแล้ว แต่ร่างกายของน้องไม่ตอบสนอง (พร้อมกับชี้แจงว่าผู้ป่วยเกิดโรคแทรกซ้อนเยอะมาก)

เวลาประมาณ 16.00 น. ทางแพทย์จึงได้ขอปรึกษาอีกครั้ง ว่า จะหาแนวทางการรักษาต่อไปหรือเปล่า พร้อมกับชี้แจงว่าถ้ามีชีวิตต่อคือเป็นเจ้าชายนิทรา กับอีกเหตุผลคือเสียชีวิต (พี่กับแม่ตัดสินใจเซ็นยินยอมถอดอุปกรณ์ยื้อชีวิต) เวลา 17.00 น. หมอได้ถอดเครื่องช่วยหายใจ หลังจากที่ถอดแล้ว น้องหายใจด้วยตัวเองได้อีกประมาณ 24 ชั่วโมง

วันที่ 5 มิถุนายน 2564
เมื่อทางญาติได้ทราบข่าวว่าเหมือนอาการจะดีขึ้น คณะครูและเพื่อนจากสถานบันดัง ย่านปทุมวันเดินทางมาเยี่ยมให้กำลังใจแต่ไม่สามารถเข้าเยี่ยมได้ เวลา 22.00 น. พยาบาลได้โทรฯ แจ้งกับทางพี่ว่า น้องชายได้เสียชีวิตแล้ว

 

พี่ขอความเป็นธรรมให้น้องปมถูกรุ่นพี่ซ้อม

 

วันที่ 6 มิถุนายน 2564
นำศพกลับมาบำเพ็ญกุศล ณ บ้านเกิด อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์

 

พี่ขอความเป็นธรรมให้น้องปมถูกรุ่นพี่อุเทนถวายซ้อม

 

พี่ขอความเป็นธรรมให้น้องปมถูกรุ่นพี่อุเทนถวายซ้อม

พี่ขอความเป็นธรรมให้น้องปมถูกรุ่นพี่อุเทนถวายซ้อม

 

พี่ขอความเป็นธรรมให้น้องปมถูกรุ่นพี่อุเทนถวายซ้อม

พี่ขอความเป็นธรรมให้น้องปมถูกรุ่นพี่อุเทนถวายซ้อม

พี่ขอความเป็นธรรมให้น้องปมถูกรุ่นพี่อุเทนถวายซ้อม

พี่ร้องขอความเป็นธรรมให้น้อง หลังถูกรุ่นพี่สถานบันดัง ย่านปทุมวัน ซ้อม

 

พี่ขอความเป็นธรรมให้น้องปมถูกรุ่นพี่อุเทนถวายซ้อม

 

พี่ขอความเป็นธรรมให้น้องปมถูกรุ่นพี่อุเทนถวายซ้อม

 

พี่ขอความเป็นธรรมให้น้องปมถูกรุ่นพี่อุเทนถวายซ้อม

 

ชมคลิป

 

ขอยคุณเฟซบุ๊ก  มาม่า ปลากระป๋อง