ย้อนคดีอาม่าถูกพนง.ธนาคารยักยอก13ล้าน สู้จนมาถึงวันนี้ ชนะคดีได้เงินคืน

18 พฤษภาคม 2564

ย้อนคดีเจ้าของบ.เพลงลูกทุ่ง กรุงไทยออดิโอ ร้องกองปราบ ช่วยติดตามเงินฝากประจำ ถูกพนง.ธนาคารยักยอกไปรวมกว่า 13 ล้านบาท โดนธนาคารท้า อยากได้ก็ให้ไปฟ้องเอาเอง ล่าสุดศาลตัดสินชนะคดี อาม่าได้เงินที่ถูกโกงไปคืนเเล้ว

   เมื่อวันที่ 17พ.ค.64 ทนายรัชพล ศิริสาคร ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊คของตัวเอง เผยว่า ศาลสั่งธนาคารจ่ายเงินคืนอาม่าเเล้วหลังต่อสู้มากว่า4ปี  จากกรณี อาม่า นางอรุณพร หวังสันติพร หรือ "อาม่าฮวย" เอาเงินไปฝากธนาคารแห่งหนึ่ง รวมเงินจำนวนกว่า 13 ล้านบาท แต่ถูกพนักงานธนาคารยักยอกเงินในบัญชี โดยทำบัญชีปลอมขึ้นมา ทำให้เงินฝาก 13 ล้านกว่าบาท ไม่เข้าธนาคารสักบาท จากการไกล่เกลี่ยธนาคารยอมคืนเงินมาประมาณ 10 ล้านบาท ส่วนอีก 3.6 ล้านบาท ให้ไปฟ้องเอาเอง ซึ่งอาม่าได้เข้าแจ้งความที่กองปราบ 28 พ.ย. 62 และยื่นฟ้องทวงเงินคืนต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้

 

  ย้อนคดีอาม่าถูกพนง.ธนาคารยักยอก13ล้าน สู้จนมาถึงวันนี้ ชนะคดีได้เงินคืน

  โดยความคืบหน้าล่าสุดอาม่าเเละครอบครัวก็ได้รับข่าวดี ความยุติธรรมยังมีอยู่จริง  ที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ นายประเสริฐ  หวังสันติพร สามีอาม่า เจ้าของบริษัท กรุงไทยออดิโอ จำกัด พร้อมด้วย นายวิจิตร  หวังสันติพร บุตรชาย และนางวันวิสาข์  หวังสันติพร ลูกสะใภ้อาม่า พร้อม ทนายรัชพล ศิริสาคร เข้ารับฟังคำตัดสิน ซึ่งศาลได้อ่านคำพิพากษาให้ธนาคารคืนเงินอาม่า 3.6 ล้านบาท (อาม่าไม่ได้เดินทางมาด้วย เพราะเดินไม่ไหวแล้ว) 

ย้อนคดีอาม่าถูกพนง.ธนาคารยักยอก13ล้าน สู้จนมาถึงวันนี้ ชนะคดีได้เงินคืน

 ทั้งนี้หากย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 28พ.ย.62 นางอรุณพร หวังสันติพร อายุ 83 ปี ภรรยาเจ้าของกิจการบริษัท กรุงไทยออดิโอ จำกัด ผู้ผลิตผลงานศิลปินลูกทุ่งดังในสมัยก่อน พร้อมนายวิจิตร บุตรชาย นางวันวิสาข์ สะใภ้ และทนายความ เข้าร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมกับตำรวจกองปราบปราม เพื่อขอให้ติดตามความคืบหน้าคดีที่ถูกพนักงานธนาคารที่ดูแลเงินฝากอยู่เป็นประจำ ปลอมบัญชีธนาคารยักยอกเงินไปรวมเป็นเงินกว่า 13 ล้านบาท

ย้อนคดีอาม่าถูกพนง.ธนาคารยักยอก13ล้าน สู้จนมาถึงวันนี้ ชนะคดีได้เงินคืน

นางวันวิสาข์ บอกว่า มารดานำเงินไปฝากกับธนาคารแห่งนี้มานานกว่า 40 ปี จนเป็นลูกค้า VIP และรู้จักกับหญิงรายหนึ่งซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารในขณะนั้น กระทั่งเมื่อช่วงปี 2560 หญิงดังกล่าวได้ย้ายไปอยู่ที่ธนาคารสาขาตากสิน ได้ชักชวนให้ย้ายบัญชีมาที่สาขาดังกล่าว เพื่อความสะดวกในการดูแลและจะได้ผลงานจากยอดเงินฝากด้วยความไว้วางใจ มารดาจึงยอมโอนเงินมาฝากที่สาขาดังกล่าว จนกระทั่งเมื่อต้นปี 2561 ผู้จัดการธนาคารได้โทรมาแจ้งว่าผู้เสียหายทำบัญชีเงินฝากตกไว้ในธนาคาร ทั้งที่บัญชีของตนเองก็ยังอยู่กับตัว จึงไปตรวจสอบพบว่าบัญชีดังกล่าว เปิดในนามของตนจริง แต่ลายเซ็นต์เพื่อเบิกถอนกลับเป็นลายเซ็นต์ปลอม

ย้อนคดีอาม่าถูกพนง.ธนาคารยักยอก13ล้าน สู้จนมาถึงวันนี้ ชนะคดีได้เงินคืน
ต่อมาไม่กี่เดือนก็ทราบข่าวว่า เจ้าหน้าที่ธนาคาร ถูกดำเนินคดีฐานยักยอกทรัพย์ ในคดีที่ไปยักยอกเงินลูกค้าอีก 4-5 ราย โดยมีพฤติการณ์เดียวกัน ตนจึงไปแจ้งความกับตำรวจ สน.บุคคโล ให้ดำเนินคดี แต่ผ่านไปกว่า 1 ปีแล้ว คดีก็ไม่มีความคืบหน้า พนักงานสอบสวน อ้างว่าอยู่ระหว่างการตรวจสอบเปรียบเทียบลายเซ็นต์ และติดคดีอื่นอยู่

ส่วนเงินที่ถูกยักยอกไป ก็ได้ไปไกล่เกลี่ยกับธนาคารอยู่นานหลายเดือน จนในที่สุดธนาคารยอมชดใช้คืนให้ประมาณกว่า 10 ล้านบาท อ้างว่าเงินที่เหลืออีกกว่า 3 ล้านบาท ตรวจสอบที่มาที่ไปไม่ได้ เป็นบัญชีซ้ำ และให้ไปฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเอง ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เพราะลูกค้านำเงินไปฝากตามช่องทางปกติ จะทราบได้อย่างไรว่า บัญชีที่นำเงินไปฝากมีปัญหา จึงได้เข้าร้องขอความเป็นธรรมให้ตำรวจกองปราบปรามช่วยติดตามความคืบหน้าและเร่งรัดคดี  จากนั้นในเดือน ธ.ค.61 ยังได้ยื่นหนังสือต่อผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ช่วยเร่งรัดคดีที่ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารแห่งหนึ่ง ยักยอกเงินไป จากแม่ คือนางอรุณพร หวังสันติพร หรืออาม่าฮวย วัย 83 ปี แล้วยังคืนเงินไม่ครบ ขาดอีกกว่า 3 ล้านบาท

 

ขอบคุณ
Rachapon Sirisakorn
policenews