"ลูกสาวแทบขาดใจ"พ่อหายตัวปริศนา ก่อนมีคนส่งข้อความมาบอกถูกฝังดินไปแล้ว

นางอารักษ์ อายุ 34 ปี ชาวบ้าน หมู่ 5 ต.ลำทับ อ.ลำทับ จ.กระบี่ ซึ่งเป็นลูกสาวของ นายสุชาติ อายุ 54 ปี ผู้ที่หายตัวไปนานประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น หลังจากนางอารักษ์ และญาติๆ ช่วยกันโพสต์ภาพและข้อความตามหาตัวนายสุชาติผู้เป็นพ่อ โดยทราบว่านางอารักษ์ บุตรสาวผู้สูญหาย ได้เข้าไปแจ้งความคนหายไว้แล้วที่ สภ.ลำทับ จ.กระบี่ ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา แต่ยังไม่พบเบาะแส

โดยบุตรสาวให้ข้อมูลในเบื้องต้นว่า นายสุชาติ ออกจากบ้านใน อ.ลำทับ เมื่อวันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา ช่วงเวลาประมาณ 08.00 น. โดยขับรถเก๋งยี่ห้อ โตโยต้า สีขาว ทะเบียน กน 6552 กระบี่ บอกจะเข้าไปทำธุระในตัวเมืองกระบี่ โดยนำโฉนดที่ดินไป 2 ฉบับ บอกจะไปกู้เงินที่ธนาคาร และบอกว่าจะไปเก็บเงินที่เพื่อนค้างอยู่ด้วย เพราะเพื่อนโทรศัพท์บอกให้เข้าไปเอาเงิน

นางอารักษ์ เล่าต่อว่า หลังจากนั้นช่วงเย็น ทางบ้านก็ไม่สามารถติดต่อกับพ่อได้อีก ครั้งสุดท้ายที่สามารถติดต่อพ่อได้ พ่อโทรศัพท์กลับมาที่บ้านเมื่อช่วงประมาณ 12.00 น. บอกกับแม่เลี้ยงตนว่าให้แม่เลี้ยงเอากุญแจรถให้เพื่อนพ่อด้วย เพื่อนพ่อจะยืมรถไปบรรทุกปาล์ม จากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย ซึ่งปกติพ่อจะเป็นคนที่ติดต่อกลับบ้านตลอด ไม่ว่าจะไปไหน จะบอกที่บ้านเสมอ จะไม่ให้คนที่บ้านเป็นห่วง และกลับมานอนบ้านประจำ หรือไม่ก็ไปเยี่ยมพี่สาวที่ จ.ภูเก็ต แต่ยังไงก็จะติดต่อได้ตลอด

ปมสาเหตุที่พ่อหายตัวไป ตนเองก็ไม่แน่ใจ แต่จากการสอบถามจากตำรวจ ตำรวจบอกว่าน่าจะเป็นเรื่องยาเสพติด ซึ่งตนเองไม่เชื่อ คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องอื่น โดยเฉพาะเรื่องปัญหาที่ดิน เพราะพ่อเองก็เป็นแกนนำม็อบเรียกร้องที่ดินทำกิน และมีผลประโยชน์เรื่องที่ดินหลายแห่งที่ ตนเองก็ไม่ทราบทั้งหมด หลังพ่อหายไปก็เข้าแจ้งความไว้ แต่คดียังไม่มีความคืบหน้ามาก เท่าที่ทราบจากตำรวจก็แค่บอกว่าพ่อมาเอาเงินจากเพื่อนในพื้นที่ ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ โดยส่วนตัวตนไม่มั่นใจว่าพ่อปลอดภัยหรือไม่ หากพ่อยังมีชีวิตอยู่ อยากให้พ่อรู้ว่าทุกคนกำลังเป็นห่วง ขอให้พ่อหาทางติดต่อกลับมาทางบ้านโดยเร็ว

ด้านนางน้ำค้าง อายุ 42 ปี ภรรยาของนายสุชาติ กล่าวด้วยว่า การหายตัวไปของสามี ตนได้ติดต่อครั้งหลังสุดเมื่อวันจันทร์ที่ 3 ที่ผ่านมา สามีโทรมาล่าสุดประมาณ 11.00 น.เศษ โทรมาบอกให้เอากุญแจรถไปให้เพื่อน จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ติดต่ออีกทีตอน 18.00 น. วันเดียวกัน เพื่อจะบอกให้กลับมารับประทานข้าว แต่ไม่สามารถติดต่อได้แล้ว ส่วนใหญ่ไม่ว่าสามีจะไปไหน มักจะโทรบอกเสมอ และจะติดต่อได้ตลอด หากจะไม่กลับบ้านก็ต้องโทรมาบอกทุกครั้ง

ส่วนปัญหาส่วนตัวตนเองก็ไม่ทราบ เพราะไม่เคยคุยเรื่องส่วนตัวกัน แต่บ่นให้ฟังเรื่องเพื่อนยืมเงินไป ตัวสามีก็เครียดเพราะต้องหาเงินมาจ่ายค่าจ้างรถแบ็คโฮ หลังสุดก็บอกว่าเพื่อนคนดังกล่าว กู้เงินได้แล้วเพราะธนาคารโทรมาบอก สามีก็บอกว่าจะไปตามทวงเงินคืนมาก่อน ส่วนตัวตนเชื่อว่าน่าจะเป็นปมมาจากเรื่องหนี้สินดังกล่าว และเรื่องปัญหาที่ดินที่สามีไปทำกับเพื่อนๆ แต่ตนเชื่อว่าสามียังมีชีวิตอยู่ อยากให้สามีกลับบ้านได้แล้ว ทุกคนเป็นห่วง ช่วยกันตามหาทุกที่ๆ สามีไป อยากฝากตำรวจให้ช่วยตามหาให้ด้วย

โดยนางวารุณี อายุ 36 ปี หลานสาวของนายสุชาติ ว่าเมื่อวันที่ 8 พ.ค. ที่ผ่านมา มีบุคคลปริศนา ใช้เฟซบุ๊กส่งแชทข้อความไปหาลูกสาวของนายสุชาติ พร้อมกับแจ้งว่า นายสุชาติ ถูกฆ่าตายแล้ว และถูกนำศพไปฝังดิน ส่วนรถถูกเผาและฝังดินแล้ว โดยระบุว่ากลุ่มคนที่ลงมือทำ เป็นคนที่นายสุชาติ ไปเก็บเงิน เพราะเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดในพื้นที่ ค่อนข้างมีอิทธิพลเพราะรู้จักคนใหญ่คนโตในพื้นที่

ตนเองเป็นหลานสาวของนายสุชาติ และเป็นคนสุดท้ายที่ได้โทรศัพท์คุยกับนายสุชาติ เจ้าตัวบอกกับตนว่า เพื่อนโทรศัพท์มาบอกว่าให้ไปเอาเงินที่ ต.อ่าวนาง และบอกกับตนว่าจะไปรับช่างใหม่ ซึ่งเป็นญาติกันให้ไปเป็นเพื่อน จากนั้นก็ติดต่อไม่ได้อีก ตนสอบถามไปที่ช่างใหม่ ก็ทราบว่าวันดังกล่าวนายสุชาติ ไปหาช่างใหม่ ที่อู่ซ่อมรถในตัวเมืองกระบี่จริง แต่ช่างใหม่ไม่อยู่นายสุชาติ นายสุชาติ จึงออกไปเพียงคนเดียว โดยมีกล้องวงจรปิดที่อู่ซ่อมรถของช่างใหม่ บันทึกภาพไว้ได้ หลังจากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อนายสุชาติ ได้อีกเลย

แต่วันเดียวกันนั้นประมาณ 16.00 น. มีสายจากแอปพลิเคชั่นไลน์ของนายสุชาติ โทรเข้ามาหาตน แต่ตนไม่ได้รับสาย พอโทรกลับไปก็ไม่มีคนรับแล้ว และเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา มีคนใช้เฟซบุ๊กปลอมทักมาที่ลูกสาวนายสุชาติ บอกว่าพ่อเข้าไปที่บ้านเพื่อนชื่อ บังฟิต แล้วถูกขังไว้ 2 คืน และถูกยิงตายแล้ว เอาศพไปฝัง และเอารถเก๋งไปเผา พอสอบถามคนดังกล่าวว่าเป็นใคร ก็ไม่ยอมบอก ซึ่งบังฟิต ที่ถูกพูดถึงคือคนที่เป็นลูกหนี้นายสุชาติ ซึ่งนายสุชาติ เคยกู้เงินให้ 300,000 บาท แล้วรับปากว่าจะกู้เงินเพื่อนำมาคืนนายสุชาติ แต่ไม่ยอมคืนให้ นายสุชาติ เลยโมโหและโทรศัพท์ไปขู่บังฟิต โดยส่วนตัวตนเชื่อว่ามี 2 เรื่องที่เป็นสาเหตุการหายตัว คือขัดกับบังฟิต และเรื่องที่นายสุชาติ เป็นแกนนำม็อบเรียกร้องที่ดินทำกิน ซึ่งอาจจะไปขัดผลประโยชน์กับนายทุนหลายพื้นที่

ขอบคุณ SANOOK