คู่รักรู้ผลติดโควิด-19 แต่ดึงดันนั่งเครื่องบินจาก กทม.กลับบ้านเมืองคอน

13 เมษายน 2564

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช เผยสถานการณ์โควิด-19 พบ คู่รักรู้ตัวว่าป่วยติดเชื้อ แต่ยังนั่งเครื่องจาก กทม.กลับบ้าน จ.นครศรีธรรมราช ทางจังหวัดเร่งประกาศให้ผู้โดยสารนั่งใกล้ สังเกตอาการด่วน

เมื่อวันที่ 13 เม.ย. 64 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้สรุปจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 19 ล่าสุด ณ เที่ยงคืนที่ผ่านมา  (13 เม.ย.) ว่า มียอดผู้ป่วยรายใหม่จำนวน 14 คน โดยเมื่อวานนี้ (12 เม.ย.) พบผู้ป่วยยืนยันถึง 8 คน ทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจังหวัดนครศรีธรรมราช มีแนวโน้มพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
 

แต่สร้างที่สร้างความกังวลให้เจ้าหน้าที่ก็คือ มีคู่รักชายหญิง 2 คนติดเชื้อโควิด-19 มีพฤติกรรมปกปิดข้อมูล โดยฝ่ายชายอายุ 26 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช เดินทางมาจากกรุงเทพฯ ถึงนครศรีธรรมราช เมื่อช่วงเช้าวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังจากนั้นนั่งรถแท็กซี่กลับบ้าน ก่อนที่ขี่รถจักรยานยนต์ไปตรวจเชื้อที่โรงพยาบาล และพบว่าติดเชื้อโควิด-19

คู่รักรู้ผลติดโควิด-19 แต่ดึงดันนั่งเครื่องบินจาก กทม.กลับบ้านเมืองคอน

ขณะที่ฝ่ายหญิงอายุ 26 ปี สอบสวนไทม์ไลน์แล้วพบว่าเป็นคู่รักกัน พักอยู่ กทม. เมื่อวันที่ 9 เม.ย. ได้ไปตรวจหาเชื้อโควิดที่คลินิกเอกชนแห่งหนึ่งใน กทม. และทราบผลติดเชื้อโควิดเมื่อเย็น 10 เม.ย. จากนั้นช่วงค่ำวันที่ 11 เม.ย. ได้แยกเดินทางมาขึ้นเครื่องบินจากท่าอากาศยานดอนเมือง ด้วยสายการบินไลอ้อนแอร์ เที่ยวบินที่ SL792 กลับมายังสนามบินนครศรีธรรมราช และเมื่อมาถึงสนามบินนครศรีธรรมราช ได้โทรศัพท์แจ้ง รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ให้มารับตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล เนื่องจากติดเชื้อโควิด

คู่รักรู้ผลติดโควิด-19 แต่ดึงดันนั่งเครื่องบินจาก กทม.กลับบ้านเมืองคอน

ทั้งนี้ สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ออกประกาศแจ้งเตือน ผู้โดยสารสายการบินไทยไลอ้อนแอร์ วันที่ 11 เม.ย. เที่ยวบิน SL1780 หมายเลขที่นั่ง 1A-3C ออกจากดอนเมืองเวลา 06.05 น. ถึงนครศรีธรรมราช 07.20 น. และสายการบินเดียวกันนี้ ในเที่ยวบินที่ SL792 ออกจากดอนเมือง 17.10 น. มาถึงท่าอากาศยานนครศรีธรรมราช 18.40 น. หมายเลขที่นั่ง 7C-11F โดยให้ผู้โดยสารที่นั่งบริเวณดังกล่าวนี้เร่งรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้านโดยด่วน ขณะที่ผู้ป่วยทั้งสองรายนี้ เจ้าหน้าที่จะรายงานต่อคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป