ด่วน ผู้ต้องขังในเรือนจำนราธิวาสที่ติดเชื้อโควิด-19 เสียชีวิตแล้วกว่า 3 ราย

08 เมษายน 2564

ด่วน ผู้ต้องขังในเรือนจำนราธิวาสที่ติดเชื้อโควิด-19 เสียชีวิตแล้วกว่า 3 ราย โดยผู้เสียชีวิตรายล่าสุดเป็นชายอายุ 61 ปี เพิ่งเสียชีวิตเมื่อเช้าวันที่ 8 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา

จากกรณีมีรายงานพบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  ภายในเรือนจำนราธิวาสจึงได้ดำเนินการเชิงรุกเพื่อเฝ้าระวังและควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19  ซึ่งจากการสอบสวนโรค พบว่า เรือนจำจังหวัดนราธิวาส พบติดเชื้อ 112 ราย แยกเป็น เจ้าหน้าที่เรือนจำ 23 ราย นักโทษชาย 87 ราย นักโทษหญิง 1 ราย และพยาบาลเรือนจำ 1 ราย ล่าสุดมีรายงานผู้ต้องขังที่ติดเชื้อโควิด-19 เสียชีวิตแล้วรวมทั้งหมด 3 ราย 
 

ก่อนหน้านี้นางสาวอารีย์ อ่องสว่าง รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส กล่าวถึงการจัดการโรงพยาบาลสนามในเรือนจำจังหวัดนราธิวาส มีมาตรฐานเทียบเท่ากับโรงพยาบาลชุมชน บุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ภายในโรงพยาบาลสนามให้มีเพียงพอ ภายในโรงพยาบาลสนามมีการคัดแยกโซน เป็น 2 ส่วน ในส่วนที่เป็นสถานพยาบาลภายในเรือนจำ สามารถรองรับผู้ป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 ได้ประมาณ 200 คน ส่วนในแดน 6 รองรับได้กว่า 800 คน

สำหรับข้อมูลจากศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางด้านสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จ.นราธิวาส รายงานเมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา พบว่า การค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชนของ จังหวัดนราธิวาส 146 ราย ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมยืนยันสะสม 341 ราย เป็นผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ (8 เม.ย.2564) มี 1 ราย ผู้ป่วยที่กำลังรักษาในโรงพยาบาลจำนวน 275 ราย ผู้ป่วยรักษาหาย 64 ราย และเสียชีวิต 2 ราย 

ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (8 เม.ย.2564) มีผู้ต้องขังที่ติดเชื้อโควิด 19 เสียชีวิตแล้ว 1 ราย เป็นเพศชาย อายุ 61 ปี ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมเป็น 3 ราย

ด้านนายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เน้นย้ำไม่มีการล็อคดาวน์หรือปิดเมือง การเดินทางเข้าออกจังหวัดนราธิวาสยังทำได้ตามปกติ ตามมาตรการเดิมที่กำหนด คือ กรณีเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงพบผู้ติดเชื้อโควิด19 ต้องรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำอำเภอ เพื่อซักประวัติการเดินทางและประเมินความเสี่ยงเป็นรายบุคคล 

โดยเน้นการสังเกตอาการที่บ้าน ทั้งนี้สิ่งที่กำชับเป็นพิเศษคือการรวมตัวกันของคนจำนวนมาก ที่จะต้องมีการพิจารณาอนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อระดับจังหวัดก่อนว่าเห็นสมควรให้จัดหรือไม่ ซึ่งอาจให้ชะลอหรือเลื่อนไปก่อน