พระปูหลนสึกแล้ว หลังโดนร้องเรียนทำสาวท้อง 4 เดือนเมินรับผิดชอบ

สืบเนื่องจากกรณีที่พระสงฆ์รูปหนึ่งอายุ 51 ปีในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ทำสาววัย 26 ทั้งท้อง ซึ่งทางพระรูปดังกล่าวได้อ้างว่า ตอนกระทำตนไม่ได้สติ จำได้เพียงว่า หญิงสาวคนดังกล่าวได้ทำ ปูหลน มาถวาย ครั้นเมื่อตนได้ฉันไปแล้วจึงมีความรู้สึกและความต้องการชนิดที่ควบคุมสติไม่ได้ จึงสงสัยว่าเธอน่าจะแอบใส่อะไรสักอย่างลงไป จึงทำให้ตนทำเธอตั้งครรภ์ถึง  4 เดือน

กระทั่งต่อมา สำนักงานพุทธศาสนาจ.บุรีรัมย์ พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้บุกจับพระปูหลนรูปดังกล่าวสึกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งทางสภ.ประโคนชัยยังได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับ น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 26 ปี ชาว อ.พลับพลาชัย ที่ได้ออกมาร้องเรียนถึงเรื่องดังกล่าวอีกด้วย ซึ่งเธอเล่าว่า ถูกพระรูปดังกล่าวที่จำพรรษาอยู่ในที่พักสงฆ์บริเวณป่าสาธารณะ ท้ายหมู่บ้านหนองคูณ ต.ละเวี้ย อ.ประโคนชัย กระทำจนตั้งท้อง ซึ่งเธอได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระรูปดังกล่าวหลายครั้ง แต่เมื่อตนเองท้อง พระรูปดังกล่าวจึงบอกปัดความรับผิดชอบ 

นอกจากนี้เมื่อเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่พักสงฆ์ดังกล่าว พร้อมกับขอตรวจสอบหนังสือสุทธิพระ จึงได้ทราบว่า ที่จริงแล้ว พระวัย 51 ปีรูปนี้ได้อุปสมบทที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.ประโคนชัย จากนั้นจึงได้ย้ายมาอยู่ที่ที่พักสงฆ์ท้ายหมู่บ้านได้ประมาณเกือบ 20 ปีแล้ว และก็อยู่แบบนี้รูปเดียวมาตลอด จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้เริ่มการสอบถามสอบสวนถึงกรณีดังกล่าว

แต่ทางพระปูหลน 51 ปี ก็พยายามตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ พร้อมทั้งเล่าว่า ตนไม่ได้เป็นฝ่ายทำ แต่ด้านผู้หญิต่างหากที่เป็นฝ่ายกระทำ ซึ่งทางด้านน.ส.บี (นามสมมติ) พยายามติดต่อตนทางเฟซบุ๊กมาโดยตลอด ทั้งยังขอมาเล่นในที่พักของตนอีกด้วย แต่ตนก็บอกไปว่า เป็นหญิงไม่ควรที่จะมา จากนั้นเธอก็เงียบหายไป จนช่วยเดือนพฤศจิกายน เธอได้นำปูหลนมาถวาย ซึ่งตนชอบฉันเมนูนี้อยู่แล้ว อีกทั้งปูหลนที่เธอทำมายังมีรสชาติอร่อยถูกปาก

ทว่าเมื่อฉันไปได้ไม่นานนัก ตนกลับมีความรู้สึกเกร็งสั่นทั้งตัว อีกทั้งช่วงล่างยังแข็งตัวผิดปกติ ตอนแรกตนได้ถาม น.ส.บี (นามสมมติ) แล้วว่าได้ใส่อะไรลงไปในปูหลนหรือไม่ แต่เธอก็บอกว่าไม่ได้ใส่อะไรนอกจากวัตถุดิบที่ทำ ซึ่งหลังจากนั้นตนก็ควบคุมตนเองไม่ได้ ประกอบกับฝ่ายหญิงเข้ามาหา จึงทำให้ตนพลั้งเผลอ แต่ยืนยันว่าตนไม่ได้เริ่มก่อน แต่ที่ว่าท้อง ตนก็ไม่รู้ว่าเธอท้องกับใครแล้วมากล่าวหาตน

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้นำพระรุปดังกล่าว ไปทำพิธีสึกที่วัดที่อุปสมบทให้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดร้ายแรงต้องอาบัติปาราชิก ซึ่งหลังจากสึกแล้วจะไม่สามารถบวชเป็นพระได้อีก  ส่วนเรื่องคดีก็ขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายหญิงจะแจ้งความดำเนินคดีหรือไม่อย่างไร