เเม่ยืนยันน้องปอไม่ได้มีคนรักใหม่ 2ปีก่อนหมั้นกัน เเต่ก็ยังไม่มาเเต่ง

10 มีนาคม 2564

ครอบครัวน้องปอ เชื่อเเฟนหนุ่มไม่ได้ลงมือคนเดียว เคยหมั้นหมายเมื่อ2ปีก่อน เป็นสร้อยทองคำกับเงินสด เเฟนหนุ่ทตั้งใจว่าเมื่้อเรียนจบจะแต่งงานกัน

    กรณีคดีอันสุดสะเทือนขวัญ หลังจากที่ น้องปอ หรือ น.ส จุฬารัตน์ กองแก้ว อายุ 19 ปี อาศัยอยู่ที่ ต.บ้านกลาง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ซึ่งได้หายตัวออกจากบ้านไปตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา  โดยบรรดาญาติๆก็ได้มีการประสานเจ้าหน้าที่ ขอความช่วยเหลือพยายามออกตามค้นหาเเต่ก็ไม่เจอตัว  สุดท้ายเมื่อวันที่ 9 มี.ค.64 กลับกลายเป็นเรื่องเศร้าเมื่อพบเป็นร่างไร้วิญญาณด้วยฝีมือของเเฟนหนุ่มชั้นม.6
 

เเม่ยืนยันน้องปอไม่ได้มีคนรักใหม่ 2ปีก่อนหมั้นกัน เเต่ก็ยังไม่มาเเต่ง


  โดยเมื่อวันที่ 9 มี.ค.64 หน่วยกู้ภัยพิษณุโลก มูลนิธิประสาทบุญสถาน เผยว่า  ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แก่งโสภา อ.วังทอง จ.พิษณุโลก รับแจ้งเหตุพบร่างผู้เสียชีวิตเพศหญิง1ราย กลางป่าลึกพื้นที่หมู่ 11 บ้านม่วงหอม ต.บ้านกลาง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก จึงลงพื้นที่ไปตรวจสอบ มีการเผาเพื่ออำพรางคดี ในป่าลึกบนภูเขาสูงเขตอำเภอวังทองด่วน สำหรับผู้ลงมือ เป็น เเฟนหนุ่มของน้องปอ ชื่อนายเเม้ว อายุ 18 ปี เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 6 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.วังทอง จ.พิษณุโลก

 

เเม่ยืนยันน้องปอไม่ได้มีคนรักใหม่ 2ปีก่อนหมั้นกัน เเต่ก็ยังไม่มาเเต่ง

หลังก่อเหตุได้ให้ญาติพามามอบตัวที่สภ.แก่งโสภา จากการสอบปากคำในเบื้องต้นนั้น  นายแม้ว รับสารภาพว่าได้มีปากเสียงกับน้องปอ มีเรื่องทะเลาะกัน มาจากความหึงหวงคิดว่าแฟนสาวตีตัวออกห่างเพราะแฟนสาวกำลังจะเข้ามาทำงานในห้างสรรพสินค้าในตัวเมือง จนทำให้แฟนหนุ่มคิดมาก และได้มารับน้องปอเพื่อไปพูดคุยกัน เคลียร์ใจ เเต่สุดท้ายไม่เป็นผล จะถูกบอกเลิก ทำให้เเฟนหนุ่มมีอารมณ์โมโหโกรธเเค้น ตัดสินใจลงมือก่อเหตุ   ซึ่งทางครอบครัววได้มีการจัดพิธีบำเพ็ญกุศลน้องปอเป็นวันแรก ที่ภูมิลำเนา  ต.บ้านกลาง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก 

 

ความคืบหน้าในส่วนของครอบครัวผู้เสียชีวิต นางฉวี กุนนะ แม่น้องปอ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ตำรวจโทรมาหาตนแจ้งเรื่อง ตนก็เข่าอ่อนและร้องไห้โฮเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งลูกสาวของตนหายตัวไปตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 26 ก.พ. ตอนแรกตนเข้าใจว่า ลูกสาวไปหางานทำที่ จ.พิษณุโลก เพราะลูกสาวสมัครงานไปแล้ว วันที่ 27 ก.พ. เวลาประมาณ 9.00 น. ตนไปหาลูกสาวที่บ้านของปู่ผู้ก่อเหตุ แต่ไปแล้วไม่เจอนางสาวปอ และปู่ของผู้ก่อเหตุบอกว่า นางสาวปอไม่สบาย และกำลังพาไปหาหมอ ตนจึงนั่งรอประมาณ 2 ชั่วโมง แต่ก็ไม่กลับสักที ตนจึงทิ้งเบอร์โทรไว้ และบอกว่าถ้าลูกกลับมาให้โทรตาม เพราะตนจะคุยกับลูกสาวว่าจะไปทำงานตอนไหน

 

เเม่ยืนยันน้องปอไม่ได้มีคนรักใหม่ 2ปีก่อนหมั้นกัน เเต่ก็ยังไม่มาเเต่ง


ก่อนหน้านี้ลูกสาวพักที่บ้านแฟน และกำลังจะแยกกับแฟนเพื่อไปทำงาน ลูกสาวเช่าห้องอยู่คนเดียวที่ตัวเมืองพิษณุโลก อีกทั้งลูกสาวกับนายแม้วเพิ่งจะเลิกกันมาประมาณ 1 เดือนกว่าแล้ว ตนไม่รู้สาเหตุว่าทำไปเพราะอะไร แต่ตนยืนยันว่าลูกไม่ได้มีคนใหม่ ขนาดมีคนมาจีบก็บอกคนอื่นตลอดว่ามีแฟน และทั้งสองคนหมั้นกันถึง 2 ปี ด้วยทองทำหนัก 1 บาท เเละเงินสด 20,000 บาท และตั้งใจว่าหลังจากที่นายแม้วเรียนจบจะแต่งงานกัน แต่ก็ยังไม่มาแต่งเสียที

เเม่ยืนยันน้องปอไม่ได้มีคนรักใหม่ 2ปีก่อนหมั้นกัน เเต่ก็ยังไม่มาเเต่ง

 

   ซึ่งลูกสาวตนเองก็ยังรอเเต่งงานอยู่ อีกทั้งลูกสาวไม่เคยเล่าเรื่องที่ทะเลาะกัน ตนจึงไม่ทราบว่ามีปัญหาอะไรกัน ส่วนตัวมองว่าสาเหตุที่เลิกกัน อาจจะเป็นเพราะคนหนึ่งเรียน อีกคนหนึ่งก็มีภาระ จึงไปกันไม่ได้ และลูกสาวบอกกับตนว่าอยากจะทำงานส่งเงินให้ที่บ้าน ตนขออโหสิกรรมให้ เพราะตนกลัวว่าชาติหน้าจะมาตามมาลงมือใส่ลูกของตนอีก แต่ตนอยากจะให้ได้รับโทษสูงสุดของกฎหมาย อยากจะบอกกับลูกสาวว่าไม่ต้องเป็นห่วง เพราะทุกคนจะดูแลกันอย่างดี

เเม่ยืนยันน้องปอไม่ได้มีคนรักใหม่ 2ปีก่อนหมั้นกัน เเต่ก็ยังไม่มาเเต่ง


 ด้านพ่อของน้องปอ เปิดใจว่า ตอนนี้ตนและภรรยารู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก ยังติดใจเเละเชื่อว่าต้องมีคนที่ช่วยเหลือในการลงมือ ไม่ต่ำกว่า 3-4 คน อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำคดีด้วยความเป็นธรรมและหาผู้กระทำผิดเพิ่ม ตนเชื่อว่าทำคนเดียวไม่ได้แน่นอน

 

 

ขอบคุณ
ทุบโต๊ะข่าว อมรินทร์ทีวี
หน่วยกู้ภัยพิษณุโลก มูลนิธิประสาทบุญสถาน.