ด้วยวัยที่เริ่มจะช่วยตนเองได้น้อยลง รอนจึงได้ซื้อสายรัดข้อมือซึ่งติดตั้งอุปกรณ์ฉุกเฉิน สำหรับเรียกรถพยาบาลในเวลาที่เขาบาดเจ็บ แต่อุบัติเหตุมักมาในเวลาที่เราไม่คาดคิด เช้าวันหนึ่งรอนได้ถอดอุปกรณ์นี้ไปชาร์จไฟเนื่องจากแบตเตอรี่ใกล้หมด และเขาได้เข้าไปอาบน้ำ
รอนอาบน้ำเรียบร้อย กำลังก้าวออกจากห้องน้ำ เท้าของเขาลื่นเข้ากับพื้นที่เปียกน้ำ ตัวของรอนหงายหลังฟาดกับพื้นอย่างรุนแรง ด้วยวัยขนาดนี้ การล้มอย่างรุนแรงมันทำให้ร่างกายของเขาบาดเจ็บยิ่งกว่าวัยปกติหลายเท่าตัว
รอนไม่สามารถขยับตัวได้เลย และแขนข้างหนึ่งของเขาก็กระแทกกับพื้นจนผิดรูป และถูกตัวทับจนยกไม่ขึ้น เป็นเวลาตั้งแต่แปดโมงเช้า จนถึงเที่ยงคืน ที่รอนนอนอยู่ในสภาพนี้ รอนหมดหวังกับชีวิต และเสียใจที่จะต้องมาเสียชีวิตด้วยสภาพแบบนี้
ระหว่างที่เขากำลังร้องไห้อย่างสิ้นหวัง ขนปุยนุ่มของสัตว์ชนิดหนึ่ง ก็เข้ามาถูเข้ากับที่หน้าของเขา “ฟลัฟฟี่!!” รอนเรียกแมวของเขา สิ่งมีชีวิตอีกหนึ่งเดียวที่อยู่ในบ้านนั้น ทันใดนั้นรอนก็นึกอะไรออก ใช่แล้ว เขาเอาโทรศัพท์มือถือวางไว้บนโต๊ะ “ฟลัฟฟี่ ริงอะดิง” “ริงอะดิง ฟลัฟฟี่”
ริงอะดิง (Ring a ding) เป็นคำเรียกโทรศัพท์มือถือที่รอนใช้กับฟลัฟฟี่ เขาจะบอกฟลัฟฟี่เสมอว่า ริงอะดิง ทุกครั้งที่มีเสียงเรียกเข้า แต่เขาไม่เคยใช้ฟลัฟฟี่เอาโทรศัพท์มาให้เขามาก่อนเลยในชีวิต
“ริงอะดิง ฟลัฟฟี่...ได้โปรด” “นายเป็นเพียงความหวังเดียวของฉัน”รอนผู้หมดหวังบอกกับฟลัฟฟี่ ฟลัฟฟี่ยืนอยู่สักพัก มันก็หายไปในความมืด “มันคงเป็นไปไม่ได้ ฟลัฟฟี่จะเข้าใจได้อย่างไร” รอนตัดพ้อ เขาหมดหวังกับชีวิต
และทันใดนั้นเอง “ตุ๊บ!!!!” เสียงโทรศัพท์มือถือ หล่นลงมาที่มือของรอน “ฟลัฟฟี่!!” รอนตะโกนร้องไห้โฮ เขาไม่คิดว่าในชีวิตนี้ฮีโร่ผู้ช่วยชีวิตเขาไว้จะเป็นแมว รอนกดโทรศัพท์เรียก911 และรถพยาบาลก็มารับเขาไปรักษาอย่างปลอดภัย
“ตอนนั้นผมรู้สึกโล่งใจประมาณล้านครั้งได้ ถ้าไม่มีเขาผมคงตายไปแล้วในวันนี้” รอนอธิบายความรู้สึกในตอนนั้น “เขาคือฮีโร่ของผม และเขาจะเป็นตลอดไป เราจะไม่มีวันจากกันจนกว่าผมจะตาย”
เพิ่ม ThainewsOnline
ลงในหน้าจอหลักของคุณ