6 ประโยชน์ และเคล็ดลับกินฟักทองอย่างถูกวิธี เพื่อสุขภาพที่ดี

ฟักทองไม่เพียงเป็นอาหารอร่อย แต่ยังเต็มไปด้วยไฟเบอร์ วิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระ กินเป็นประจำช่วยระบบขับถ่าย
ฟักทอง (Pumpkin) เป็นพืชตระกูลน้ำเต้าที่มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาเหนือและอเมริกากลาง โดดเด่นด้วยสีเหลืองส้มและผิวเรียบหรือขรุขระเล็กน้อย นิยมทำอาหารทั้งคาวและหวาน เช่น ซุป สลัด พาย หรือขนมอบ แต่ฟักทองยังอุดมไปด้วย วิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพ
ประโยชน์ของฟักทอง
1. ช่วยระบบขับถ่ายและสุขภาพลำไส้
ฟักทองอุดมไฟเบอร์ 1 ถ้วยมีไฟเบอร์ถึง 7 กรัม ช่วยควบคุมแบคทีเรียในลำไส้และทำให้ขับถ่ายเป็นปกติ เปลือกฟักทองยังมีสารโพลีแซคคาไรด์ที่ส่งเสริมการเติบโตของจุลินทรีย์ดีในลำไส้
2. อาจลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง
สารต้านอนุมูลอิสระในฟักทองช่วยลดความเครียดออกซิเดชัน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็ง เมล็ดฟักทองมีงานวิจัยพบว่าช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งเต้านม ลำไส้ใหญ่ ปอด และอาจยับยั้งมะเร็งต่อมลูกหมาก
3. เสริมระบบภูมิคุ้มกัน
ฟักทองมีวิตามินซี สังกะสี ซีลีเนียม และน้ำสูงถึง 90% ซึ่งช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ ไฟเบอร์ยังดูแลสุขภาพลำไส้ ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อภูมิคุ้มกันโดยรวม
4. ตัวช่วยควบคุมน้ำหนัก
แคลอรี่ต่ำและมีไฟเบอร์สูง ทำให้รู้สึกอิ่มนาน ลดการกินจุกจิก เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
5. บำรุงสายตา
ฟักทองอุดมด้วยวิตามินเอและสารแคโรทีนอยด์ เช่น ลูทีนและซีแซนทีน สารเหล่านี้สะสมในจอประสาทตา ช่วยกรองแสงอันตรายและลดความเสี่ยงโรคจอประสาทตาเสื่อมตามวัย
6. ช่วยควบคุมความดันโลหิต
ฟักทองเป็นแหล่งโพแทสเซียม แคลเซียม และแมกนีเซียม ตามหลัก DASH Diet ช่วยควบคุมความดันโลหิต ปริมาณโซเดียมต่ำดีต่อผู้ที่ต้องการควบคุมความดัน
ข้อควรระวัง
- หากกินฟักทองอบหรือปรุงพร้อมน้ำตาลมาก ควรจำกัดปริมาณ
- ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรปรับปริมาณให้เหมาะสมเพื่อควบคุมระดับน้ำตาล
- ควรกินหลากหลายผักผลไม้ร่วมด้วย ไม่เน้นเพียงฟักทอง
แหล่งที่มาอ้างอิง
Harvard T.H. Chan School of Public Health: “Pumpkin Nutrition”
WebMD: “Health Benefits of Pumpkin”
National Center for Biotechnology Information (NCBI): “Pumpkin and Human Health”



















