นอนห้องร้อนเสี่ยงเบาหวาน งานวิจัยชี้ห้องเย็นช่วยเผาผลาญดีขึ้น

งานวิจัยล่าสุดเผย การนอนห้องเย็นช่วยเพิ่มมวลและการทำงานของไขมันสีน้ำตาล เผาผลาญพลังงานดีขึ้น ขณะที่การนอนห้องร้อนอาจเพิ่มความเสี่ยงโรคเบาหวาน
งานวิจัยล่าสุด ตีพิมพ์ในวารสาร Diabetes เผยว่า อุณหภูมิของห้องนอนมีผลโดยตรงต่อ ความเสี่ยงโรคเบาหวาน โดยเฉพาะเนื้อเยื่อไขมันสีน้ำตาล (brown adipose tissue) ซึ่งเป็นตัวช่วยสำคัญในการเผาผลาญพลังงานและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
นักวิจัยพบว่า การนอนในห้องที่เย็นลงเล็กน้อย ช่วยให้ไขมันสีน้ำตาลทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลให้ร่างกายสามารถเผาผลาญพลังงานและน้ำตาลได้มากขึ้น ในขณะที่ การนอนห้องที่ร้อนหรืออุ่นเกินไป จะกดการทำงานของไขมันชนิดนี้ ทำให้เผาผลาญพลังงานได้น้อยลง และเสี่ยงต่อภาวะดื้อต่ออินซูลิน ซึ่งสัมพันธ์กับโรคเบาหวาน
ผลวิจัยนี้ชี้ว่า เพียงการปรับอุณหภูมิห้องนอนให้เย็นสบาย ก็อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานในระยะยาวได้ นอกจากนี้ยังเป็นข้อแนะนำง่ายๆ ที่สามารถปรับใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น
- ตั้งอุณหภูมิห้องนอนให้อยู่ในระดับเย็นเล็กน้อย (ประมาณ 18–20 องศาเซลเซียส)
- เปิดหน้าต่างหรือใช้พัดลม/เครื่องปรับอากาศเพื่อรักษาอุณหภูมิ
- หลีกเลี่ยงการนอนห้องร้อนหรือปิดห้องสนิทโดยไม่มีการระบายอากาศ
นักวิจัยย้ำว่า การปรับอุณหภูมิห้องนอนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการป้องกันโรคเบาหวาน ควรควบคู่กับ การออกกำลังกาย การควบคุมอาหาร และตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อสุขภาพที่ดีและยั่งยืน
แหล่งที่มา
1.Diabetes Journal, 2025. “Impact of Bedroom Temperature on Brown Adipose Tissue Activity and Glucose Metabolism”
2.ศูนย์วิจัยสุขภาพและโรคเบาหวาน

รวม 4 สิ่งต้องเช็กเพื่อเลือกสินเชื่อทะเบียนรถให้คุ้มค่าที่สุด

ผ่อนประกันรถยนต์ ทำได้อย่างไร? ผ่อนได้ด้วยวิธีใดบ้าง

2 ผัวเมีย ป่วยมะเร็ง หมอตรวจดูถึงกุมขมับ ต้นตอจาก 1 เครื่องดื่ม

เคลียร์ข้อสงสัย! ทำอาชีพอิสระ ฟรีแลนซ์ ขอสินเชื่อรถยนต์ได้จริงไหม
















