สุขภาพ-ความงาม

heading-สุขภาพ-ความงาม

งานวิจัยชี้! หูฟังไร้สายปล่อยรังสีสูงกว่าหูฟังมีสาย 150 เท่า

17 ต.ค. 2568 | 22:42 น.
งานวิจัยชี้! หูฟังไร้สายปล่อยรังสีสูงกว่าหูฟังมีสาย 150 เท่า

งานวิจัยล่าสุดสร้างความกังวลในผู้ใช้หูฟังไร้สาย หลังพบว่าหูฟังบลูทูธอาจปล่อยรังสีได้มากกว่าหูฟังแบบมีสายถึง 150 เท่า ทำให้หลายคนหันมาตั้งคำถามถึงผลกระทบต่อสมอง

กระแสข่าวเรื่อง “หูฟังไร้ สายปล่อยรังสีมากกว่า หูฟังมีสาย 150 เท่า” กลายเป็นประเด็นร้อนบนโลกออนไลน์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังมีการแชร์ข้อความอ้างถึง “งานวิจัยใหม่” ที่ระบุว่ารังสีจากอุปกรณ์บลูทูธอาจส่งผลต่อสมองได้ แต่ข้อเท็จจริงเบื้องหลังกลับซับซ้อนกว่านั้นมาก


รังสีจากหูฟังคืออะไร?

หูฟังไร้สายหรือที่เรียกว่าหูฟังบลูทูธ ใช้คลื่นวิทยุ (Radio Frequency: RF) ในการส่งข้อมูลเสียง ซึ่งเป็นรังสีประเภท “ไม่ใช่ไอโอนิซิง” (Non-Ionizing Radiation) — กล่าวคือ ไม่มีพลังงานมากพอที่จะทำลายโครงสร้างของ DNA หรือเซลล์โดยตรงเหมือนรังสีเอกซ์หรือรังสีแกมมา

ในทางฟิสิกส์พื้นฐาน รังสีจากอุปกรณ์ประเภทนี้มีพลังงานต่ำมาก และอยู่ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยที่กำหนดโดยหน่วยงานกำกับดูแล เช่น ค่าการดูดซับพลังงานจำเพาะ (SAR) ที่ต้องไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนดก่อนจำหน่าย

แล้ว “150 เท่า” มาจากไหน?

ตัวเลข “150 เท่า” ที่ถูกแชร์ในโซเชียลมีเดีย ไม่ได้มาจากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ (peer-reviewed journal) แต่เป็นการเปรียบเทียบเชิงสมมุติจากบางโพสต์บนโลกออนไลน์ ซึ่งนำค่าพลังงานของคลื่นจากอุปกรณ์ไร้สายหลายประเภทมาเทียบกัน โดยไม่ได้อ้างอิงเงื่อนไขทางเทคนิคที่เท่ากัน
ดังนั้น ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า หูฟังไร้สายปล่อยรังสีได้มากกว่าหูฟังแบบมีสายจริงถึง 150 เท่า

งานวิจัยชี้! หูฟังไร้สายปล่อยรังสีสูงกว่าหูฟังมีสาย 150 เท่า

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

heading-ข่าวที่เกี่ยวข้อง

วิทยาศาสตร์พูดว่าอย่างไร?

จากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่า คลื่นวิทยุที่ใช้ในเทคโนโลยี Bluetooth มีพลังงานต่ำมากจนไม่พบผลกระทบโดยตรงต่อโครงสร้างสมอง

-   งานวิจัยจากฐานข้อมูล PubMed (ปี 2013) พบว่า “การใช้ Bluetooth ในระดับมาตรฐานไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเส้นประสาทการได้ยิน”

-   องค์การอนามัยโลก (WHO) และสถาบันวิจัยโรคมะเร็ง (IARC) จัดให้รังสี RF อยู่ในกลุ่ม 2B — หมายถึง “อาจเป็นสาเหตุของมะเร็งได้” แต่ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอ ต้องการการศึกษาเพิ่มเติม

-   การประเมินครั้งใหญ่โดยองค์การอนามัยโลกในปี 2024 ระบุว่า “ไม่มีหลักฐานชัดเจนที่เชื่อมโยงการใช้โทรศัพท์มือถือ (ซึ่งใช้คลื่นใกล้เคียงกับ Bluetooth) กับมะเร็งสมอง” (Reuters, 2024
)

กล่าวคือ จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าการใช้หูฟังไร้สายในชีวิตประจำวันก่ออันตรายต่อสมอง

งานวิจัยชี้! หูฟังไร้สายปล่อยรังสีสูงกว่าหูฟังมีสาย 150 เท่า
แล้วควรใช้อย่างไรให้ปลอดภัย?

แม้จะยังไม่มีหลักฐานอันตรายชัดเจน แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขแนะนำให้ “ใช้อย่างพอดี” เพื่อความอุ่นใจ

จำกัดเวลาใช้งานต่อเนื่องไม่เกิน 1–2 ชั่วโมง แล้วพักหู

ลดระดับเสียงให้อยู่ไม่เกิน 60–80% ของระดับสูงสุด

หากใช้ต่อเนื่องนาน อาจสลับใช้หูฟังแบบมีสาย

หลีกเลี่ยงการนอนหลับโดยใส่หูฟังไร้สายติดหู

เลือกอุปกรณ์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย (SAR)

สรุปง่าย ๆ

ข่าวที่ว่า “หูฟังไร้สายปล่อยรังสี 150 เท่า” ยังไม่มีหลักฐานยืนยันจากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ข้อเท็จจริงคือ หูฟังบลูทูธปล่อยพลังงานรังสีในระดับต่ำมากและอยู่ในมาตรฐานความปลอดภัยที่หน่วยงานสากลกำหนด อย่างไรก็ตาม การใช้งานอย่างเหมาะสม เช่น ลดเวลาและระดับเสียง ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการปกป้องสุขภาพหูและสมองของเรา

แหล่งที่มาอ้างอิง

1.Reuters (2024). No link between mobile phones and brain cancer, WHO-led study says.

2.The Guardian (2024). Mobile phones not linked to brain cancer, biggest study to date finds.
 

ข่าวล่าสุด

heading-ข่าวล่าสุด

ข่าวเด่น

ไม่รอด รวบแล้วหนุ่มทำร้าย "บาร์บี้ภูเก็ต" สาวสองคนดังเลือดอาบ

ไม่รอด รวบแล้วหนุ่มทำร้าย "บาร์บี้ภูเก็ต" สาวสองคนดังเลือดอาบ

เตือนวิกฤตไทยสูงวัยเต็มตัว แต่คุณภาพชีวิตผู้สูงอายุลดลง

เตือนวิกฤตไทยสูงวัยเต็มตัว แต่คุณภาพชีวิตผู้สูงอายุลดลง

Instagram เผือกเก่ง แต่ไม่ดักฟัง ยันไม่ใช้ไมโครโฟนแอบฟังผู้ใช้

Instagram เผือกเก่ง แต่ไม่ดักฟัง ยันไม่ใช้ไมโครโฟนแอบฟังผู้ใช้

30 องค์กรสิทธิมนุษยชนร่วมปกป้อง “อังคณา” หลังถูกโจมตีเหตุชายแดน

30 องค์กรสิทธิมนุษยชนร่วมปกป้อง “อังคณา” หลังถูกโจมตีเหตุชายแดน

AI เข้ามาแทนที่ เด็กจบใหม่เผชิญวิกฤตการหางานครั้งใหม่

AI เข้ามาแทนที่ เด็กจบใหม่เผชิญวิกฤตการหางานครั้งใหม่