งานวิจัยชี้! หูฟังไร้สายปล่อยรังสีสูงกว่าหูฟังมีสาย 150 เท่า

งานวิจัยล่าสุดสร้างความกังวลในผู้ใช้หูฟังไร้สาย หลังพบว่าหูฟังบลูทูธอาจปล่อยรังสีได้มากกว่าหูฟังแบบมีสายถึง 150 เท่า ทำให้หลายคนหันมาตั้งคำถามถึงผลกระทบต่อสมอง
กระแสข่าวเรื่อง “หูฟังไร้ สายปล่อยรังสีมากกว่า หูฟังมีสาย 150 เท่า” กลายเป็นประเด็นร้อนบนโลกออนไลน์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังมีการแชร์ข้อความอ้างถึง “งานวิจัยใหม่” ที่ระบุว่ารังสีจากอุปกรณ์บลูทูธอาจส่งผลต่อสมองได้ แต่ข้อเท็จจริงเบื้องหลังกลับซับซ้อนกว่านั้นมาก
รังสีจากหูฟังคืออะไร?
หูฟังไร้สายหรือที่เรียกว่าหูฟังบลูทูธ ใช้คลื่นวิทยุ (Radio Frequency: RF) ในการส่งข้อมูลเสียง ซึ่งเป็นรังสีประเภท “ไม่ใช่ไอโอนิซิง” (Non-Ionizing Radiation) — กล่าวคือ ไม่มีพลังงานมากพอที่จะทำลายโครงสร้างของ DNA หรือเซลล์โดยตรงเหมือนรังสีเอกซ์หรือรังสีแกมมา
ในทางฟิสิกส์พื้นฐาน รังสีจากอุปกรณ์ประเภทนี้มีพลังงานต่ำมาก และอยู่ภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยที่กำหนดโดยหน่วยงานกำกับดูแล เช่น ค่าการดูดซับพลังงานจำเพาะ (SAR) ที่ต้องไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนดก่อนจำหน่าย
แล้ว “150 เท่า” มาจากไหน?
ตัวเลข “150 เท่า” ที่ถูกแชร์ในโซเชียลมีเดีย ไม่ได้มาจากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ (peer-reviewed journal) แต่เป็นการเปรียบเทียบเชิงสมมุติจากบางโพสต์บนโลกออนไลน์ ซึ่งนำค่าพลังงานของคลื่นจากอุปกรณ์ไร้สายหลายประเภทมาเทียบกัน โดยไม่ได้อ้างอิงเงื่อนไขทางเทคนิคที่เท่ากัน
ดังนั้น ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า หูฟังไร้สายปล่อยรังสีได้มากกว่าหูฟังแบบมีสายจริงถึง 150 เท่า
วิทยาศาสตร์พูดว่าอย่างไร?
จากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่า คลื่นวิทยุที่ใช้ในเทคโนโลยี Bluetooth มีพลังงานต่ำมากจนไม่พบผลกระทบโดยตรงต่อโครงสร้างสมอง
- งานวิจัยจากฐานข้อมูล PubMed (ปี 2013) พบว่า “การใช้ Bluetooth ในระดับมาตรฐานไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อเส้นประสาทการได้ยิน”
- องค์การอนามัยโลก (WHO) และสถาบันวิจัยโรคมะเร็ง (IARC) จัดให้รังสี RF อยู่ในกลุ่ม 2B — หมายถึง “อาจเป็นสาเหตุของมะเร็งได้” แต่ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอ ต้องการการศึกษาเพิ่มเติม
- การประเมินครั้งใหญ่โดยองค์การอนามัยโลกในปี 2024 ระบุว่า “ไม่มีหลักฐานชัดเจนที่เชื่อมโยงการใช้โทรศัพท์มือถือ (ซึ่งใช้คลื่นใกล้เคียงกับ Bluetooth) กับมะเร็งสมอง” (Reuters, 2024
)
กล่าวคือ จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าการใช้หูฟังไร้สายในชีวิตประจำวันก่ออันตรายต่อสมอง
แล้วควรใช้อย่างไรให้ปลอดภัย?
แม้จะยังไม่มีหลักฐานอันตรายชัดเจน แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขแนะนำให้ “ใช้อย่างพอดี” เพื่อความอุ่นใจ
จำกัดเวลาใช้งานต่อเนื่องไม่เกิน 1–2 ชั่วโมง แล้วพักหู
ลดระดับเสียงให้อยู่ไม่เกิน 60–80% ของระดับสูงสุด
หากใช้ต่อเนื่องนาน อาจสลับใช้หูฟังแบบมีสาย
หลีกเลี่ยงการนอนหลับโดยใส่หูฟังไร้สายติดหู
เลือกอุปกรณ์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย (SAR)
สรุปง่าย ๆ
ข่าวที่ว่า “หูฟังไร้สายปล่อยรังสี 150 เท่า” ยังไม่มีหลักฐานยืนยันจากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ข้อเท็จจริงคือ หูฟังบลูทูธปล่อยพลังงานรังสีในระดับต่ำมากและอยู่ในมาตรฐานความปลอดภัยที่หน่วยงานสากลกำหนด อย่างไรก็ตาม การใช้งานอย่างเหมาะสม เช่น ลดเวลาและระดับเสียง ยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการปกป้องสุขภาพหูและสมองของเรา
แหล่งที่มาอ้างอิง
1.Reuters (2024). No link between mobile phones and brain cancer, WHO-led study says.
2.The Guardian (2024). Mobile phones not linked to brain cancer, biggest study to date finds.