สุขภาพ-ความงาม

heading-สุขภาพ-ความงาม

ลดน้ำหนักแบบ IF คืออะไร อันตรายต่อสุขภาพไหม

13 ธ.ค. 2566 | 09:20 น.
ลดน้ำหนักแบบ IF คืออะไร อันตรายต่อสุขภาพไหม

การลดน้ำหนักด้วย IF อย่างไม่ถูกหลักการ หรือหักโหมเกินไปอาจให้โทษต่อร่างกายได้ และอันตรายไม่น้อย วันนี้จะพาเพื่อนๆมารู้จัก IF กันอย่างถูกต้อง

IF คืออะไร หลักการลดน้ำหนักมีอะไรบ้าง

การลดน้ำหนักด้วย IF หรือ Intermittent Fasting คือการกำหนดให้ร่างกายกินอาหารได้เพียงแค่ช่วงเวลาหนึ่ง และปล่อยให้ร่างกายอดอาหารในระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะขาดน้ำตาล จะได้ดึงเอาไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกายมาเป็นพลังงาน ซึ่งจะนำไปสู่การลดความอ้วนได้นั่นเอง

โดยหลักการของ Intermittent Fasting มีเงื่อนไขสำคัญอยู่ 3 ข้อด้วยกัน คือ

     1. ต้องงดอาหาร 1 มื้อในแต่ละวัน

     2. หลีกเลี่ยงการกินอาหารมื้อดึก

     3. กินอาหารตามปกติในช่วงเวลาไดเอต 8 ชั่วโมง

ลดน้ำหนักแบบ IF คืออะไร อันตรายต่อสุขภาพไหม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

heading-ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ลดน้ำหนักแบบ IF ใครไม่ควรทำบ้าง

แม้การลดน้ำหนักแบบ IF จะนิยมทำกันในวงกว้าง แต่ก็มีข้อจำกัดที่อาจส่งผลต่อสุขภาพได้ โดยเฉพาะในคนกลุ่มนี้

     1. ผู้เป็นโรคกระเพาะอาหาร เพราะการอดอาหารอาจทำให้อาการที่เป็นอยู่กำเริบได้

     2. ผู้ป่วยโรคลำไส้แปรปรวน ที่ควรรับประทานอาหารเป็นเวลา เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้อาการกำเริบ

     3. ผู้ป่วยที่ผ่าตัดกระเพาะอาหารหรือผ่าตัดทางเดินอาหารอื่น ๆ เพราะโดยปกติจะรับประทานอาหารได้ไม่มากอยู่แล้ว หากอดอาหารไปอีกก็อาจขาดสารอาหาร และเสี่ยงที่ร่างกายจะได้รับพลังงานไม่เพียงพอ

     4. ผู้ป่วยเบาหวาน เพราะในช่วงที่ฟาสติ้งอาจส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด เสี่ยงต่ออาการกำเริบได้

     5. หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ที่ควรได้สารอาหารครบครัน

     6. เด็กและวัยรุ่น ที่ควรได้สารอาหารครบครัน และเป็นวัยที่ใช้พลังงานมาก

     7. ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ สุขภาพไม่สมบูรณ์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ไม่ควรอดอาหาร

     8. ผู้ป่วยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (Immunodeficiencies)

     9. ผู้ที่มีภาวะหรือเคยมีภาวะกินผิดปกติ (Eating disorders)

     10. ผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม

ลดน้ำหนักแบบ IF คืออะไร อันตรายต่อสุขภาพไหม

ลดน้ำหนักแบบ IF อย่างไรให้ปลอดภัย

    1. เลือกช่วงเวลาทำ IF ที่เหมาะและใกล้เคียงกับไลฟ์สไตล์ปกติของตัวเอง เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก จะได้ลดเวลาในการปรับตัวด้วย เช่น ถ้าปกติเป็นคนไม่ค่อยกินมื้อเช้าอยู่แล้ว ก็อาจเริ่มกินอาหารในช่วง 11.00 น. ไปจน 18.00-19.00 น. แล้วค่อยฟาสติ้ง เป็นต้น

     2. ดื่มน้ำเยอะ ๆ โดยจิบระหว่างวัน เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ ซึ่งสามารถสังเกตตัวเองดูได้ว่ามีอาการปากแห้ง กระหายน้ำ หรือปัสสาวะมีสีเข้มหรือไม่ ทั้งหมดนี้คือสัญญาณว่าเรากำลังขาดน้ำ

     3. เลือกกินอาหารที่ให้สารอาหารครบครัน มีประโยชน์ต่อร่างกาย รวมทั้งอาหารที่มีไฟเบอร์สูงซึ่งจะช่วยลดอาการท้องผูก แต่ควรงดของหวาน ของทอด

   4. ช่วงเวลาที่อดอาหารยังสามารถดื่มเครื่องดื่มแคลอรีต่ำได้ เช่น น้ำเปล่า กาแฟดำและชาที่ไม่ใส่น้ำตาล น้ำโซดา น้ำแอปเปิลไซเดอร์

     5. อย่าลืมออกกำลังกายด้วย

     6. เข้านอนให้ไว เพื่อลดอาการหิวดึกจนต้องกินมื้อดึก

     7. หากมีโรคประจำตัว หรือต้องกินยาเป็นประจำ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน

ลดน้ำหนักแบบ IF คืออะไร อันตรายต่อสุขภาพไหม

ข่าวล่าสุด

heading-ข่าวล่าสุด

ข่าวเด่น

อัปเดตอาการ "พังข้าวต้ม" อายุครบ 3 เดือน ร่างกายฟื้นตัวดีมาก

อัปเดตอาการ "พังข้าวต้ม" อายุครบ 3 เดือน ร่างกายฟื้นตัวดีมาก

3 ราศี เฮงยืนหนึ่ง "อ.คฑา" ชี้ดาวศุกร์ย้าย 22 ธ.ค. 68 มีโชค

3 ราศี เฮงยืนหนึ่ง "อ.คฑา" ชี้ดาวศุกร์ย้าย 22 ธ.ค. 68 มีโชค

โมเมนต์ซึ้ง! “แอนดรูว์ กรเศก” หลั่งน้ำตารับพรผู้ใหญ่ ในวันวิวาห์

โมเมนต์ซึ้ง! “แอนดรูว์ กรเศก” หลั่งน้ำตารับพรผู้ใหญ่ ในวันวิวาห์

เปิดภาพบ้านสุดรัก “บอย ภิษณุ” ตัดใจขายบ้านหรู ทำเลทอง ราคาสะดุดตา

เปิดภาพบ้านสุดรัก “บอย ภิษณุ” ตัดใจขายบ้านหรู ทำเลทอง ราคาสะดุดตา

ในหลวง ทรงรับ "ดร.เสรี" ไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์

ในหลวง ทรงรับ "ดร.เสรี" ไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์