สวน...กระแส

heading-สวน...กระแส

เผยการควบคุม เพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง อย่างถูกต้อง

04 ต.ค. 2565 | 12:22 น.
เผยการควบคุม เพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง อย่างถูกต้อง

เพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง แมลงศัตรูที่ก่อให้เกิดปัญหาสำคัญและมีผลกระทบความเสียหายต่อผลผลิตมันสำปะหลังเป็นอย่างมาก

เพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง ในอดีตปัญหาเกี่ยวกับแมลงศัตรูที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อผลผลิตมันสำปะหลังมีค่อนข้างน้อย เนื่องจากมันสำปะหลังเป็นพืชที่ปลูกง่าย ทนทานและปรับตัวได้ดี แต่ปัจจุบันการระบาดของเพลี้ยแป้งในมันสำปะหลังกลายเป็นปัญหาสำคัญและมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ  มีรายงานการระบาดเมื่อต้นปี 2551  และขยายวงออกไปตามแหล่งปลูกมันสำปะหลังที่สำคัญ  เช่น จังหวัดกำแพงเพชร ระยอง ชลบุรี สระแก้ว ปราจีนบุรีและนครราชสีมา  สาเหตุสำคัญของการระบาดอย่างกว้างขวางคือ การใช้ท่อนพันธุ์ที่มีเพลี้ยแป้งไปปลูกโดยไม่มีการจัดการให้ท่อนพันธุ์สะอาดก่อน ทำให้ผลผลิตมันสำปะหลัง ในปี 2552 ที่คาดว่าจะมีถึง 27 ล้านตัน ลดลงเหลือประมาณ 19 ล้านตันเท่านั้น ซึ่งกระทบต่อธุรกิจมันสำปะหลังโดยตรง และกระทบการส่งออกและเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เผยการควบคุม เพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง อย่างถูกต้อง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

heading-ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ลักษณะการทำลายของเพลี้ยแป้ง

เพลี้ยแป้งทำความเสียหายต่อมันสำปะหลัง โดยการดูดกินน้ำเลี้ยงตามส่วนต่างๆ เช่น ใบ ยอด และตา ในส่วนของต้นที่ยังอ่อนอยู่ ยอดที่ถูกทำลายจะงอหงิกเป็นพุ่ม ลำต้นจะบิดเบี้ยวมีช่วงข้อถี่ ทำให้มีผลต่อคุณภาพท่อนพันธุ์ หัวมีขนาดเล็ก เปอร์เซ็นต์แป้งต่ำ หากการระบาดรุนแรงยอดจะแห้งตาย ถ้ามีระบาดในช่วงที่มันสำปะหลังอายุน้อย อาจทำให้ต้นมันสำปะหลังตายหรือไม่สามารถสร้างหัวได้ เพลี้ยแป้งจะระบาดรุนแรงในฤดูแล้งมากกว่าในฤดูฝนโดยเฉพาะฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน แปลงที่มีการระบาดอย่างรุนแรงความเสียหายเกิดขึ้นเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์

เพลี้ยแป้งดูดน้ำเลี้ยงจากมันสำปะหลัง โดยใช้ปากที่มีลักษณะเป็นท่อยาวแทงเข้าไปในส่วนของใบ ยอด หรือตาจากนั้นก็จะขับถ่ายมูลที่มีลักษณะเป็นของเหลวเหนียวๆ ออกมา เรียกว่า มูลหวานซึ่งจะเป็นที่อาศัยและอาหารของราดำ เมื่อราดำเจริญเติบโตทำให้การสังเคราะห์แสงของมันสำปะหลังเกิดขึ้นได้ไม่เต็มที่

เผยการควบคุม เพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง อย่างถูกต้อง

การควบคุมเพลี้ยแป้งในมันสำปะหลังอย่างถูกต้อง

 

สามารถทำได้โดยวิธีเขตกรรม และวิธีกล ได้แก่ การไถพรวนดินหลายๆ ครั้ง และตากดินอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อลดประมาณเพลี้ยแป้งและศัตรูพืชอื่นๆ ที่อยู่ในดิน หลีกเลี่ยงการปลูกมันสำปะหลังที่อาจทำให้ต้นมันสำปะหลังงอกและระยะแรกของการเจริญเติบโตอยู่ในช่วงแล้งหรือฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน เนื่องจากเป็นสภาพแวดล้อมเหมาะกับการเจริญเติบโตของเพลี้ยแป้ง เมื่อตรวจพบเพลี้ยแป้งเริ่มเข้าทำลาย ให้ถอนต้น หรือตัดส่วนที่มีเพลี้ยแป้งนำไปเผาทำลาย และหากจำเป็นต้องปลูกใหม่ให้ใช้ท่อนพันธุ์ที่สะอาดปราศจากเพลี้ยแป้ง รวมทั้งการควบคุมโดยชีววิธี ทั้งแมลงห้ำและแมลงเบียน โดยกำหนดแนวทางการควบคุมตามพื้นที่ ที่พบการระบาด ดังนี้

1. พื้นที่ที่ยังไม่พบการระบาด

1.1 ใช้ท่อนพันธุ์สะอาดปราศจากโรค และแมลงทำลาย หรือไม่นำท่อนพันธุ์มาจากแหล่งอื่น

1.2 เก็บซากพืชออกจากแปลง ไถพรวนหลาย ๆ ครั้ง และตากดินอย่างน้อย 14 วัน

1.3 แช่ท่อนพันธุ์ด้วยสารฆ่าแมลงที่แนะนำก่อนปลูก เพื่อป้องกันเพลี้ยแป้งที่ติดมากับท่อนพันธุ์หรือระบาดมาจากแปลงข้างเคียง เนื่องจากเป็นระยะวิกฤติ จำเป็นต้องตัดวงจรชีวิตของเพลี้ยแป้ง หรือลดจำนวนเพลี้ยแป้งให้เหลือน้อยที่สุด

1.4 ตรวจแปลงสม่ำเสมอทุก 2 สัปดาห์ (หากพบการระบาดดูรายละเอียดในข้อ 2)

เผยการควบคุม เพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง อย่างถูกต้อง

2. พื้นที่ที่มีการระบาดของเพลี้ยแป้ง

2.1 หลีกเลี่ยงการปลูกในฤดูแล้ง ควรปลูกช่วงต้นฝน ซึ่งฝนที่ตกต่อเนื่องจะทำให้การระบาดลดลง

2.2 ไถพรวนดินหลาย ๆ ครั้ง ตากดินอย่างน้อย 14 วัน

2.3 ต้องแช่ท่อนพันธุ์ด้วยสารเคมีที่แนะนำเพื่อกำจัดเพลี้ยแป้ง

2.4 ตรวจแปลงสม่ำเสมอทุก 2 สัปดาห์

2.5 มันสำปะหลังที่มีอายุ 1 – 4 เดือน หากพบระบาดไม่รุนแรงให้ตัดยอดที่มีเพลี้ยแป้งเกาะอยู่แล้วพ่นสารฆ่าแมลงบริเวณที่พบ หากรุนแรงให้ถอนทิ้งทั้งหมดแล้วนำไปทำลายนอกแปลง

2.6 หากพบการระบาดในมันสำปะหลังอายุ 5 – 8 เดือน ให้ตัดยอดหรือถอนต้นที่พบเพลี้ยแป้ง นำไปทำลายนอกแปลงและพ่นสารฆ่าแมลงบริเวณที่พบและบริเวณโดยรอบที่มีการระบาดทันที

2.7 หากพบการระบาดในมันสำปะหลังอายุมากกว่า 8 เดือน ควรเร่งเก็บผลผลิต ตัดต้นทิ้งนำไปทำลาย ทำความสะอาดแปลง แล้วปลูกพืชอื่นที่ไม่เป็นพืชอาศัยของเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังแทน เช่น ข้าวโพด อ้อย ข้าวฟ่าง หรือทานตะวัน

การใช้สารฆ่าแมลงป้องกันกำจัดเพลี้ยแป้ง

การใช้สารเคมีฆ่าแมลงมีความจำเป็นเพื่อป้องกันในระยะแรกของการปลูกและลดปริมาณแมลงศัตรูพืชในช่วงที่เพลี้ยแป้งระบาดรุนแรง

1. การแช่ท่อนพันธุ์ สารฆ่าแมลงที่แนะนำ คือ

1 ไทอะมีโทแซม 25% WG อัตรา 4 กรัม/น้ำ 20 ลิตร

2 อิมิดาโคลพริด 70%WG อัตรา 4 กรัม/น้ำ 20 ลิตร

3 ไดไนทีฟูแรน 10%WP อัตรา 40 กรัม/น้ำ 20 ลิตร

วิธีการแช่ท่อนพันธุ์

1. ตัดท่อนพันธุ์ยาวประมาณ 20 เซนติเมตร มีจำนวนไม่น้อยกว่า 5 ตา หรือขนาดพร้อมปลูก

2. ผสมสารชนิดใดชนิดหนึ่งข้างต้น ตามอัตราที่กำหนด และเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ควรผสมสารดังกล่าวข้างต้นไม่เกิน 80 ลิตร ต่อการแช่ท่อนพันธุ์ปลูกให้ได้พื้นที่ปลูกไม่เกิน 1 ไร่ เนื่องจากหากผสมมากเกินไปแล้วแช่ไปเรื่อย ๆ ท่อนพันธุ์มันสำปะหลังที่แช่ตอนท้าย ๆ จะได้รับสารในความเข้มข้นที่ต่ำเกินไป ทำให้ระยะเวลาควบคุมเพลี้ยแป้งได้ต่ำกว่า 1 เดือน

3. แช่เพื่อทำให้เพลี้ยแป้งที่ติดมากับท่อนพันธุ์ตายทั้งหมด และผลพลอยได้คือ สารฆ่าแมลงจะแทรกซึมในท่อนพันธุ์มันสำปะหลัง หลังงอกสารฆ่าแมลงจะถูกเคลื่อนย้ายมาที่ใบและยอด สามารถป้องกันการเข้าทำลายของเพลี้ยแป้งได้ประมาณ 1 เดือน

4. เมื่อแช่ท่อนพันธุ์ไปสัก 3-4 ครั้ง น้ำในถังแช่จะลดลงให้ผสมสารในอัตราเดิมเทเพิ่มลงไปในถังแช่

5. เพื่อความสะดวกในการปฏิบัติงาน ควรมีการตัดท่อนพันธุ์มันสำปะหลัง และทำการแช่สารฆ่าแมลง ตามคำแนะนำล่วงหน้าก่อนปลูก 1 วัน

 

2. การใช้สารฆ่าแมลงฉีดพ่นทางใบ สารฆ่าแมลงที่แนะนำ คือ

1 ไทอะมีโทแซม 25%WG อัตรา 4 กรัม/น้ำ 20 ลิตร

2 ไดโนทีฟูแรน 10%WP อัตรา 20 กรัม/น้ำ 20 ลิตร

3 โปรไทโอฟอส 50%EC อัตรา 50 ซีซีหรือมิลลิลิตร/น้ำ 20 ลิตร

4 พิริมิฟอส เมทิล 50% อัตรา 50 ซีซี/น้ำ 20 ลิตร

5 ไทอะมีโทแซม+แลมบ์ดาไซฮาโลทริน 24.7%ZC อัตรา 10 ซีซี/น้ำ 20 ลิตร

เผยการควบคุม เพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง อย่างถูกต้อง

วิธีการพ่นสาร

1. การพ่นสารเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ให้ใช้สารชนิดใดชนิดหนึ่งข้างต้นลดอัตราลงครึ่งหนึ่งผสมกับสารไวท์ออยล์ 67%EC อัตรา 50 ซีซี/น้ำ 20 ลิตร 

2. การผสมสาร ให้ผสมไวท์ออยล์และสารฆ่าแมลงในน้ำเพียงเล็กน้อยก่อน ใช้ไม้กวนให้เข้ากัน แล้วค่อย ๆ เติมน้ำให้ครบที่กำหนด

3. ในพื้นที่ 1 ไร่ การพ่นต้องใช้อัตราพ่น 80 ลิตร/ไร่ และควรพ่นหงายหัวฉีดขึ้นและพ่นใต้ทรงพุ่ม

4. สำหรับมันสำปะหลังอายุไม่เกิน 4 เดือน ในพื้นที่ 1 ไร่ ให้พ่นในอัตรา 40 ลิตร/ไร่ และควรพ่นติดต่อกันอย่างน้อย 2 ครั้ง เนื่องจากการพ่นสารครั้งเดียวอาจกำจัดได้เฉพาะตัวอ่อนและตัวเต็มวัย แต่ไม่สามารถกำจัดไข่และตัวอ่อนของเพลี้ยแป้งซึ่งอยู่ในถุงที่มีใยสีขาวได้ การผสมกับสารไวท์ออยล์สามารถลดต้นทุนได้

5. ควรมีการสลับใช้สารฆ่าแมลง เป็นกลุ่มชนิดอื่นบ้าง เพื่อป้องกันการต้านทานสารฆ่าแมลงของเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังโดยครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 อาจแช่ท่อนพันธุ์ด้วยสารฆ่าแมลงไทอะมีโทแซมก่อนปลูก หลังจากต้นมันสำปะหลังงอกแล้ว ประมาณ 20 วันถึง 1 เดือนให้ตรวจดูการระบาดของเพลี้ยแป้ง ถ้าพบการระบาดของเพลี้ยแป้งมันสำปะหลังให้พ่นด้วย สารกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟต(โปรไทโอฟอส 50%ECหรือพิริมิฟอสเมทิล 50%ECชนิดใดชนิดหนี่ง อัตรา 50 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร เนื่องจากหลังแช่สารแล้วในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาถ้ามีการระบาดของเพลี้ยแป้ง แสดงว่าเพลี้ยแป้งได้รับสารกลุ่มนีโอนิโคตินอยด์(ไทอะมีโทแซม ไดโนทีฟูแรน หรืออิมิดาโคพริด) มาแล้วและท้าย ๆ จะเหลือสารที่เข้มข้นน้อยจนไม่สามารถฆ่าเพลี้ยแป้งได้ เพลี้ยแป้งที่รอดชีวิตนั้นได้รับการคัดเลือกสารกลุ่มนิโอนิโคตินอยด์ในอัตราตำ่อาจกระตุ้นให้สร้างความต้านทานต่อสารกลุ่มนี้เช่นเดียวกับเด็กได้รับวัคซีน  สำหรับครั้งต่อไปควรสลับหรือเปลี่ยนเป็นสารฆ่าแมลงกลุ่มอื่นเช่น นีโอนิโคตินอยด์ (ไทอะมีโทแซม อิมิดาโคลพริด ไดโนทีฟูแรน)

กลุ่มของสารเคมีที่แนะนำให้ใช้ในการควบคุมเพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง และควรนำมาใช้สลับกันในแต่ละชั่วอายุของเพลี้ยแป้ง ในชั่วอายุเดียวกันควรใช้สารกลุ่มเดียวกัน และสลับด้วยสารอีกกลุ่มเมื่อชั่วอายุต่อไป

กลุ่ม 1 นีโอนิโคตินอยด์ (ไทอะมีโทแซม อิมิดาโคลพริด ไดโนทีฟูแรน)

กลุ่ม 2 ออร์กาโนฟอสเฟต (พิริมิฟอสเมทิล โปรไทโอฟอส)

ต้นทุนการพ่นสารแบบเดี่ยว

เผยการควบคุม เพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง อย่างถูกต้อง

สนับสนุนโดย : ปุ๋ยมงกุฎ

เผยการควบคุม เพลี้ยแป้งมันสำปะหลัง อย่างถูกต้อง

ข่าวล่าสุด

heading-ข่าวล่าสุด

ข่าวเด่น

"ตุ๊กกี้" ไม่ทน ฟาดชาวเน็ตวิจารณ์แรง หลังประกาศถอนตัวจากบาร์โฮส

"ตุ๊กกี้" ไม่ทน ฟาดชาวเน็ตวิจารณ์แรง หลังประกาศถอนตัวจากบาร์โฮส

"ผักสะอาดจริงหรือ?" นักโภชนาการเตือน ล้างไม่ถูกวิธี เสี่ยงสารพิษตกค้าง

"ผักสะอาดจริงหรือ?" นักโภชนาการเตือน ล้างไม่ถูกวิธี เสี่ยงสารพิษตกค้าง

ระวัง! "แหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย" มักเกิดขึ้นหลังจากฝนตก

ระวัง! "แหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย" มักเกิดขึ้นหลังจากฝนตก

แพรรี่ ฝากถึง ทนายดัง หลังสภาทนายความลงดาบ ห้ามประกอบวิชาชีพ1ปี

แพรรี่ ฝากถึง ทนายดัง หลังสภาทนายความลงดาบ ห้ามประกอบวิชาชีพ1ปี

พบแผ่นดินไหว 4 ครั้งรวด รัศมีใกล้ชายแดนไทย ในเมียนมา-เวียดนาม

พบแผ่นดินไหว 4 ครั้งรวด รัศมีใกล้ชายแดนไทย ในเมียนมา-เวียดนาม