ยานยนต์

heading-ยานยนต์

ส่องเหตุผล! รถยุโรปมือสองถึงราคาตกมากกว่ารถญี่ปุ่น?

07 ม.ค. 2567 | 14:27 น.
ส่องเหตุผล! รถยุโรปมือสองถึงราคาตกมากกว่ารถญี่ปุ่น?

ซึ่งปัจจุบันรถยนต์มือสองกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสภาพเศรษฐกิจ รวมไปถึง ในเรื่องของภาษีที่แพงกว่า รถยนต์ใหม่ป้ายเเดง ในกรณีที่ผู้ซื้อจัดไฟแนนซ์ แต่ในกรณีที่สังเกตุได้คือ รถยุโรป มือสอง ราคาตกมากกว่ารถญี่ปุ่น สาเหตุเป็นเพราะอะไร ไปหาคำตอบกันเลยครับ

ส่องเหตุผล! รถยุโรปมือสองถึงราคาตกมากกว่ารถญี่ปุ่น

ส่องเหตุผล! รถยุโรปมือสองถึงราคาตกมากกว่ารถญี่ปุ่น?

ส่องเหตุผล! รถยุโรปมือสองถึงราคาตกมากกว่ารถญี่ปุ่น?

 

4 เหตุผล! รถยุโรปมือสองถึงราคาตกมากกว่ารถญี่ปุ่น

1.รถยุโรปค่าซ่อมแพงกว่า

รถยุโรปเมื่อผ่านการใช้งานประมาณ 5-7 ปีขึ้นไป จำเป็นจะต้องเข้ารับการซ่อมบำรุงรายการที่นอกเหนือจากการตรวจเช็กระยะตามปกติ ซึ่งค่าซ่อมบำรุงของรถยุโรปมักจะสูงกว่ารถญี่ปุ่นอย่างเห็นได้ชัดแม้ว่าจะนำรถเข้าอู่นอกก็ตาม ส่งผลให้ความนิยมในตลาดรถมือสองค่อนข้างจำกัด จึงทำให้ราคาตกมากกว่ารถญี่ปุ่นเมื่อเข้าสู่ตลาดรถยนต์มือสอง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

heading-ข่าวที่เกี่ยวข้อง

2.คนซื้อกังวลเรื่องความจุกจิก

รถยุโรปขึ้นชื่อว่ามีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีเครื่องยนต์, ระบบช่วงล่าง, ระบบความปลอดภัย ฯลฯ จึงกลายมาเป็นความซับซ้อนในการบำรุงรักษาระยะยาว อุปกรณ์บางชิ้นไม่มีอะไหล่เทียบ จำเป็นต้องใช้ของแท้เบิกศูนย์เท่านั้น เจ้าของรถจึงมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสูงกว่ารถญี่ปุ่น กลายเป็นหนึ่งในสาเหตุว่าทำไมรถยุโรปถึงราคาตกนั่นเอง


3. รถญี่ปุ่นบางคันอาจตอบโจทย์ได้ดีกว่า

หากเทียบระหว่างรถยุโรปและรถญี่ปุ่นในราคาใกล้เคียงกัน รถญี่ปุ่นอาจตอบโจทย์การใช้งานได้ดีกว่า ยกตัวอย่างเช่น Toyota Camry Hybrid ACV50 รุ่นปี 2015 ราคามือสองอยู่ราว 5-6 แสนบาท เทียบกับ Mercedes-Benz A-Class รุ่นปีเดียวกัน ราคาพอกัน แต่ Camry ได้ขนาดตัวถังใหญ่กว่า ห้องโดยสารกว้างขวางกว่า ขับทางไกลสบายกว่า ประหยัดน้ำมันมากกว่า และค่าซ่อมบำรุงไม่แพง ทำให้รถญี่ปุ่นเป็นที่นิยมมากกว่าในตลาดมือสอง

4.ราคาป้ายแดงสูงกว่ารถญี่ปุ่นมาก

ปัจจัยสำคัญของรถยุโรปที่ทำให้ราคาตกอย่างหนัก เป็นเพราะราคาป้ายแดงที่สูงกว่ารถญี่ปุ่นมาก ส่งผลให้เจ้าของรถมือแรกต้องแบกรับค่าเสื่อมสูงกว่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น รถญี่ปุ่นราคาป้ายแดง 1,000,000 บาท เทียบกับรถยุโรป 3,000,000 บาท แม้ว่าทั้งสองคันจะมีราคาขายต่อลดลงไป 50% เท่ากัน แต่รถญี่ปุ่นรับค่าเสื่อมเพียง 500,000 บาท แต่รถยุโรปต้องรับค่าเสื่อมสูงถึง 1,500,000 บาท ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ผู้ที่เริ่มต้นเล่นยุโรปเกิดความขยาดพอสมควร และมีคนจำนวนไม่น้อยยอมกลับมาใช้รถญี่ปุ่นแทน


สุดท้ายนี้ก็จะเห็นได้ว่าทั้งรถยุโรปและ รถญี่ปุ่น ต่างก็มีข้อดีข้อเสียที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งหากใครเป็นคนที่ชอบความหรูหราทันสมัย หรือให้ความสำคัญเรื่องมาตรฐานความปลอดภัย รวมทั้งพร้อมจ่ายในราคาที่สูง รถยุโรปก็เป็นทางเลือกที่เหมาะสม แต่ถ้าเน้นให้ความสำคัญเรื่องความคุ้มค่า ราคาถูก ประหยัดค่าบำรุงรักษา หรืออยากได้รถที่ขายต่อได้ราคาดี รถญี่ปุ่นก็อาจจะตอบโจทย์มากที่สุด 

ข่าวล่าสุด

heading-ข่าวล่าสุด

ข่าวเด่น

"ตุ๊กกี้" ไม่ทน ฟาดชาวเน็ตวิจารณ์แรง หลังประกาศถอนตัวจากบาร์โฮส

"ตุ๊กกี้" ไม่ทน ฟาดชาวเน็ตวิจารณ์แรง หลังประกาศถอนตัวจากบาร์โฮส

"ผักสะอาดจริงหรือ?" นักโภชนาการเตือน ล้างไม่ถูกวิธี เสี่ยงสารพิษตกค้าง

"ผักสะอาดจริงหรือ?" นักโภชนาการเตือน ล้างไม่ถูกวิธี เสี่ยงสารพิษตกค้าง

ระวัง! "แหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย" มักเกิดขึ้นหลังจากฝนตก

ระวัง! "แหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย" มักเกิดขึ้นหลังจากฝนตก

แพรรี่ ฝากถึง ทนายดัง หลังสภาทนายความลงดาบ ห้ามประกอบวิชาชีพ1ปี

แพรรี่ ฝากถึง ทนายดัง หลังสภาทนายความลงดาบ ห้ามประกอบวิชาชีพ1ปี

พบแผ่นดินไหว 4 ครั้งรวด รัศมีใกล้ชายแดนไทย ในเมียนมา-เวียดนาม

พบแผ่นดินไหว 4 ครั้งรวด รัศมีใกล้ชายแดนไทย ในเมียนมา-เวียดนาม