เตือนเฝ้าระวัง 7 โรคข้าวโพด ช่วงหน้าฝน

ฤดูฝน เป็นช่วงที่ข้าวโพดเสี่ยงต่อการเข้าทำลายของโรคหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อราหรือเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งอาจติดมากับเมล็ด เศษซากพืช อาศัยอยู่ในดินเป็นเวลานานหรือข้มฤดู สปอร์ชื้ราที่ปลิวตามลมหรือฝน อีกทั้งหากบริเวณรากหรือ ลำต้นข้าวโพดถูกแมลงทำลายจะเกิดบาดแผลทำให้เชื้อสาเหตุโรคสามารถข้าทำลายได้ง่ายขึ้น เมื่อสภาพอากาศร้อนและมีความชื้นสูง เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเชื้อโรคพืชมาก ดังนั้น จึงต้องหมั่นตรวจแปลงอยู่เสมอและจำแนกลักษณะการเกิดโรคแต่ละชนิดได้จะทำให้สามารถป้องกันกำจัดโรคพืชได้อย่างเหมาะสมและทันท่วงที ซึ่งโรคข้าวโพดที่พบในหน้าฝน มีดังนี้

โรคใบไหม้แผลเล็ก (Southern corn leaf blight) ใบมีจุดเล็กสีเขียวอ่อนฉ่ำน้ำ และแผลขยายยาวตามเส้นใบ กลางแผลมีสีเทา ขอนเผลมีสีเทาน้ำตาล ขนาดของแผลไม่แน่นอน

โรคฝัก ต้น และเมล็ดเน่า (Diplodia stalk rot, kemnel rot,ear rot) ฝักจะเริ่มมีสีซีดแบบฟางข้าว มีจุดดำหรือดำทั้งเมล็ด ถ้าเชื้อเข้าทำลายภายหลังออกไหม 3สัปดาห์ เมื่อฉีเปลือกออกจะพบราสีขาวเจริญอยู่ระหว่างเมล็ด

โรคแอนแทรคโนส หรือโรคลำต้นน่า (Anthracnose, Stalk rot) ลักษณะใบจุดกระจายทั่วใบจากเส้นกลางใบ กึ่งกลางจุดพบเป็นสีเทาหรือสีฟางข้าว ต่อมาจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเทาถึงสีดำวงซ้อนกันเป็นชั้น ลำต้นส่วนกลางเป็นสีแดงขอบสีน้ำตาล

โรคโคนเน่า (Bacterial Stalk Rot) ใบไหม้จากปลายใบมาที่โคนใบ ยอดข้าวโพดมีสีซีดเหี่ยวเฉา ต่อมาจะไหม้ลุกลามเป็นยอดเน่า บริเวณข้อที่อยู่เหนือดินมีรอยช้ำสีน้ำตาล เมื่อผ่าดูพบท่อลำเลียงน้ำและอาหารเป็นสีน้ำตาล ต่อมาเนื้อเยื่อภายในลำต้นถูกย่อยสลาย มีน้ำเมือกไหล มีกลิ่นเหม็น

โรคราน้ำค้าง หรือ โรคใบลาย (Downy mildew) ต้นกล้าจะพบจุดสีขาวหรือสีเหลืองอ่อนบนใบ จากโคนใบถึงปลายใบพบลายทางสีขาว เขียวอ่อน หรือเหลืองอ่อน และมีผงสีขาวบนผิวใบช่วงเช้ามืด

โรคฝัก-เมล็ดเน่าจากเชื้อรา (Ear and kernel rot by fungi) ฝักมีสีซีด เหลืองเฉา มีรอยเส้นใยของเชื้อราเจริญ พบเส้นใยของเชื้อราเจริญบนเมล็ด

โรคกาบและใบไหม้ (Banded leaf and sheath blight) ต้นกล้าเน่าหักล้มทั้งที่ส่วนยอดยังเขียว ใบและกาบใบพบแผลฉ่ำน้ำ รูปร่างไม่แน่นอน มีสีซีดจางหรือสี ฟางข้าวขยายไปตามทางยาวของใบ ลำต้นแผลเป็นสีน้ำตาลเข้มถึงดำ บางครั้งแผลแห้งเป็นสะเก็ดน้ำตาลเข้ม โคนต้นระดับคอดิน มีรอยฉ่ำน้ำสีเขียวอมเทาอาจพบเส้นใยสีขาวเจริญปกคลุมที่ราก

ข้อมูลจาก ศูนย์วิจัยพืชไร่นครสวรรค์

สนับสนุนโดย : ปุ๋ยทิพย์