กาแฟโรบัสต้าพันธุ์ชุมพร ให้ผลผลิตสูงสุกพร้อมเพรียงกัน แข็งแรง โตเร็ว

วันนี้ทีงานไทยนิวส์จะพาไปรู้จักกับ กาแฟโรบัสต้าพันธุ์ชุมพร 84-5 หรือกาแฟโรบัสต้าสายต้น FRT68 เป็นกาแฟโรบัสต้าที่ได้นำมาจากประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเข้ามาในประเทศไทยพร้อมกับกาแฟโรปัสต้าสายต้น รวมทั้งสิ้น 26 สายต้น ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกรมวิชาการเกษตรและบริษัทควอลิตี้ คอฟฟี่โปรดักท์ส จำกัด โดยนำเข้ามาในช่วงปี 2538 - 2542 ในรูปของต้นกล้าเล็ก ขนาดยาวประมาณ 2-5 มม.บนอาหารวุ้น โดยต้นกล้านี้ได้จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อส่วนใบในสภาพปลอดเชื้อ รวมทั้งมีการกระตุ้นให้เกิดยอดและราก เพื่อพัฒนาเป็นต้นกล้าที่สมบูรณ์

ลักษณะทั่วไป

• ลำต้นตั้งตรง
• ใบมีรูปร่างรี ขนาดของใบกว้าง X ยาว 6.84X19.97 ซม.
• ขอบใบเรียบ เป็นคลื่นปลายใบแหลมผิวใบเป็นมันแผ่นใบส่วนที่อยู่ระหว่างเส้นใบโป้งออกทางด้านที่เป็นมันความยาวก้านใบ 1.65 ชม.
• ใบอ่อนสีเขียวอมเหลืองถึงเขียว
• ใบแก่สีเขียว
• จำนวนข้อที่ให้ผลต่อกิ่ง 11.1 ข้อ ปล้อง ยาว 5.20 ซม.
• จำนวนผลต่อกิ่ง 74.4 ผล
• ดอกสีขาว
• ผลรูปร่างรีแบนคล้ายผลละหุ่ง มีไหล่นูน 2 ข้าง ขนาดของผล กว้างXยาวXหนา 1.26X1.44 X0.84 ซม.
• ผลสุกสีแดง รูปร่างเมล็ดกลมรี้ ขนาดเมล็ด กว้างXยาวXหนา 5.93X7.74X4.23 มม.
• เมล็ดแห้งที่ความชื้นเมล็ด 12-13 เปอร์เซ็นต์มีสีน้ำตาลอมเทา
• ความสูงของต้นเมื่อโตเต็มที่ 302 ซม. ขนาดทรงพุ่มเมื่อโตเต็มที่กว้าง 355 ซม. ระยะเวลาออกดอกคือช่วงเดือน ตุลาคม ถึง มีนาคม อายุผลเมื่อเก็บเกี่ยวอยู่ระหว่าง 10-11 เดือน

 

ลักษณะเด่น กาแฟโรบัสต้าพันธุ์ชุมพร 84-5

1. ให้ผลผลิตเมล็ดแห้งสูง (ความชื้นเมล็ด 13 เปอร์เซ็นต์ 428 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี สูงเป็น 3.9

เท่าของพันธุ์เขาทะลุ

2. แข็งแรง โตเร็ว  มีกิ่งให้ผลเป็นจำนวนมาก เริ่มให้ผลผลิตเร็ว  ผลสุกพร้อมเพรียงกัน ทำให้เก็บเกี่ยวได้ก่อนพันธุ์ขาทะล 1-2 เดือน และเก็บเกี่ยวได้หมดภายใน 2 ครั้งเท่านั้น

3. มีอัตราการเปลี่ยนจากผลสดเป็นเมล็ดแห้งสูง เฉลี่ยประมาณ 25.0 เปอร์เซ็นต์ ซึ่ง

สูงกว่าพันธุ์เขาทะลที่ให้อัตราการเปลี่ยน 19.6 เปอร์เซ็นต์

4. น้ำหนัก 100 เมล็ดแห้ง 17.0 กรัม เมล็ดมีขนาดปานกลาง

พื้นที่แนะนำ เหมาะสำหรับพื้นที่ดอนในจังหวัดชุมพรหรือพื้นที่อื่นที่ไม่มีน้ำท่วมขัง

 

ข้อควรระวัง :

1. เคยพบโรคราสนิ่ม  ที่ใบบ้างเล็กน้อยในเขต อ. ท่าแซะ จ.ชุมพร แต่อาการไม่รุนแรงและไม่แพร่ระบาด ต้านทานได้  แม้ปลูกร่วม

กับกาแฟสายต้นอื่นๆ และมีรายงานอ่อนแอต่อโรคใบจุด ที่ประเทศเอควาดอร์ แต่แสดงอาการต้านทานต่อโรคนี้ ในประเทศไทย 

2. ควรทำการค้ำยันกิ่หลักในปีที่กาแฟติดผลดกมาก เพื่อป้องกันไม่ให้กิ่งหลักหัก

สนับสนุนโดย : ปุ๋ยทิพย์