เทียบระหว่าง นอนดึก กับ นอนน้อย แบบไหนอันตรายต่อร่างกายมากกว่ากัน

นอนดึก กับ นอนน้อย  หลายคนชอบคิดว่า "นอนดึกไม่เป็นไร ถ้าได้นอนครบ 7-8 ชั่วโมง" หรือ "นอนน้อยหน่อยแต่หัวค่ำก็ยังดีกว่า" แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทั้ง "ช่วงเวลาที่นอน" และ "ปริมาณการนอน" ล้วนมีผลกระทบต่อสุขภาพที่แตกต่างกัน การปล่อยให้ร่างกายอยู่ในสภาวะใดสภาวะหนึ่งเป็นเวลานาน ถือเป็นภัยเงียบที่นำไปสู่โรคร้ายแรงได้ มาดูกันว่าพฤติกรรมการนอนแบบไหนที่ทำลายสุขภาพคุณมากกว่ากัน?

นอนดึก กับ นอนน้อย แบบไหนอันตรายต่อร่างกายกว่ากัน

1. อันตรายของการ "นอนดึก" (แต่ชั่วโมงครบ)

การนอนหลังช่วงเวลาสำคัญของร่างกาย (หลัง 22:00 - 00:00 น.) แม้จะได้นอนครบ แต่ก็ส่งผลกระทบหลักต่อ ระบบฮอร์โมนและระบบเผาผลาญ:

ระบบรวน: สัมพันธ์กับภาวะหิวตอนดึก ซึ่งเพิ่มความเสี่ยง โรคอ้วน และ เบาหวาน

อวัยวะทำงานหนัก: การทำงานของตับอ่อนอาจผิดปกติ

ความเสี่ยงหัวใจ: เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจจากทั้งการกินดึกและการที่ฮอร์โมนเสียสมดุล

ข้อสรุป: ร่างกายยังพอมีโอกาสฟื้นตัวได้บ้าง แต่ระบบเผาผลาญจะรวนและนำไปสู่โรคเรื้อรังได้

2. อันตรายของ "นอนน้อย" (ต่ำกว่า 6-7 ชั่วโมง)

การนอนที่ปริมาณไม่เพียงพอต่อวัน คือสิ่งที่ ทำลายการซ่อมแซมร่างกายและสมองโดยตรง ถือว่า อันตรายกว่า ในระยะยาว

ภูมิคุ้มกันพัง: ระบบภูมิคุ้มกันลดลงอย่างรุนแรง ทำให้ เจ็บป่วยง่าย

ภัยเงียบหัวใจ: เพิ่มความเสี่ยง โรคหัวใจและหลอดเลือด เนื่องจากทำให้ความดันโลหิตสูงผิดปกติ

สมองอ่อนแอ: สมองทำงานช้าลง ความจำและสมาธิแย่ลง

อาการอื่น ๆ: อ่อนเพลีย หงุดหงิด และควบคุมอารมณ์ได้ยาก

 

3. คำตอบ: "นอนน้อย" อันตรายกว่าในระยะยาว

แม้ว่าการนอนดึกจะมีผลเสีย แต่ "การนอนน้อย" (ได้นอนต่ำกว่า 6 ชั่วโมง) ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงโดยตรงที่ทำลายกลไกการฟื้นฟูพื้นฐานของร่างกายทั้งหมด ทั้งการผลิตเซลล์ภูมิคุ้มกัน การกำจัดสารพิษในสมอง และการควบคุมความดันโลหิต ซึ่งเป็น สาเหตุหลักที่นำไปสู่โรคเรื้อรังร้ายแรง

 

4. ทางออกที่ดีที่สุด เพื่อสุขภาพที่ดี

การรักษาสมดุลทั้งชั่วโมงนอนและช่วงเวลา เป็นสิ่งสำคัญที่สุด:

ปริมาณที่พอดี: ผู้ใหญ่ควรนอนให้ได้ 7 – 9 ชั่วโมง ต่อคืน

ช่วงเวลาทอง: ควรพยายามเข้านอน ไม่เกินเที่ยงคืน (22:00 – 00:00 น.) เพื่อให้ร่างกายได้หลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ซ่อมแซมร่างกาย

 

จำไว้ว่า: การนอนชดเชยในช่วงสุดสัปดาห์ ไม่สามารถ แก้ไขความเสียหายที่สะสมจากการนอนน้อยต่อเนื่องในวันทำงานได้

ที่มา: soha