เผยเทคนิคใส่ "น้ำยาปรับผ้านุ่ม" ที่ถูกต้อง ซักผ้าแต่ละแบบไม่เหมือนกันนะ

3 วิธีทำให้ผ้าหอม "น้ำยาปรับผ้านุ่ม" โดยเฉพาะกับการซักผ้าแต่ละประเภทที่แตกต่างกัน หากใส่ผิดวิธี นอกจากผ้าจะไม่นุ่มหอมอย่างที่หวังแล้ว ยังอาจทิ้งคราบ หรือทำลายเนื้อผ้าได้ด้วย
“3 วิธีทำให้ผ้าหอม” หลายคนอาจจะคิดว่าการใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มนั้นง่ายแสนง่าย แค่เทลงไปในช่อง...ก็จบแล้ว แต่จริงๆ แล้วขั้นตอนการใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มที่ถูกต้องนั้นมีรายละเอียดมากกว่าที่คิด โดยเฉพาะกับการซักผ้าแต่ละประเภทที่แตกต่างกัน หากใส่ผิดวิธี นอกจากผ้าจะไม่นุ่มหอมอย่างที่หวังแล้ว ยังอาจทิ้งคราบ หรือทำลายเนื้อผ้าได้ด้วย
มาดูกันว่าคุณกำลังทำผิดอยู่หรือเปล่า และวิธีใส่ที่ถูกต้องเพื่อเสื้อผ้านุ่มหอมน่าใส่มีอะไรบ้าง
รู้ก่อนใส่: ทำไมต้องใส่ให้ถูกช่อง?
- ช่องสำหรับใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มในเครื่องซักผ้าถูกออกแบบมาเพื่อ หน่วงเวลา ให้น้ำยาถูกปล่อยลงสู่ถังซักใน จังหวะที่ถูกต้อง ซึ่งก็คือ ขั้นตอนสุดท้ายของการล้างผ้า (Rinse Cycle) เพื่อให้น้ำยาเคลือบเส้นใยผ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้ผ้านุ่ม หอม และลดการเกิดไฟฟ้าสถิต
วิธีใส่ "น้ำยาปรับผ้านุ่ม" ให้ถูกวิธี ตามประเภทการซัก
1. การซักด้วยเครื่องซักผ้าฝาบน (มีแกนปั่น / ไม่มีแกนปั่น)
ตู้กดอัตโนมัติ: เครื่องซักผ้าฝาบนรุ่นใหม่ๆ มักจะมีช่องสำหรับใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มแยกต่างหาก ซึ่งระบุไว้อย่างชัดเจน (อาจมีสัญลักษณ์คล้ายรูปดอกไม้ หรือเขียนว่า "Softener" / "น้ำยาปรับผ้านุ่ม")
- วิธีใช้: เพียงเทน้ำยาปรับผ้านุ่มลงในช่องจนถึงขีดที่กำหนด เครื่องจะทำการปล่อยน้ำยาลงไปเองโดยอัตโนมัติในขั้นตอนสุดท้ายของการซัก
ไม่มีช่องเฉพาะ (เครื่องรุ่นเก่า): หากเครื่องซักผ้าของคุณไม่มีช่องใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มอัตโนมัติ
- วิธีใช้: ให้รอจนเครื่องซักผ้าปั่นน้ำทิ้งในขั้นตอนของการล้างน้ำครั้งสุดท้าย (สังเกตจากเสียงปั่น หรือเมื่อถึงรอบ "Rinse") จากนั้นให้กดหยุดเครื่องชั่วคราว แล้วเทน้ำยาปรับผ้านุ่มผสมน้ำเล็กน้อยลงไปในถังซักโดยตรง จากนั้นปล่อยให้เครื่องทำงานต่อจนจบ
2. การซักด้วยเครื่องซักผ้าฝาหน้า
เครื่องซักผ้าฝาหน้าทุกรุ่นจะมีช่องสำหรับใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มโดยเฉพาะ
- วิธีใช้: เปิดลิ้นชักที่อยู่ด้านบนของเครื่อง (มักจะมี 3 ช่อง) สังเกตช่องที่มีสัญลักษณ์คล้ายรูปดอกไม้ หรือเขียนว่า "Softener" / "น้ำยาปรับผ้านุ่ม" จากนั้นเทน้ำยาปรับผ้านุ่มลงไปในช่องตามปริมาณที่แนะนำบนฉลากของน้ำยา โดยไม่ให้เกินขีด MAX เครื่องซักผ้าจะทำการปล่อยน้ำยาในจังหวะที่เหมาะสมเอง
3. การซักด้วยมือ
การซักมือจะควบคุมได้ง่ายกว่า แต่ก็ต้องใส่ให้ถูกจังหวะ
- วิธีใช้: หลังจากซักผ้าด้วยผงซักฟอกและล้างน้ำสะอาดจนหมดฟองแล้ว ให้เตรียมน้ำเปล่าสะอาดสำหรับแช่ผ้าอีกครั้ง จากนั้น เทน้ำยาปรับผ้านุ่มผสมกับน้ำสะอาดที่เตรียมไว้ คนให้เข้ากันดี แล้วนำผ้าที่ล้างสะอาดแล้วลงไปแช่ในน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ผสมไว้ ประมาณ 10-15 นาที (หรือตามคำแนะนำบนฉลาก) หลังจากนั้นบิดผ้าพอหมาดแล้วนำไปตากได้เลย ไม่ต้องล้างน้ำเปล่าซ้ำ เพราะจะล้างน้ำยาปรับผ้านุ่มออกไปหมด ทำให้ผ้าไม่หอมและไม่นุ่ม
ข้อควรรู้เพิ่มเติม เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
อย่าเทน้ำยาปรับผ้านุ่มลงบนผ้าโดยตรง: โดยเฉพาะตอนซักมือ เพราะจะทำให้เกิดคราบเหนียวบนผ้าและทำให้ผ้าไม่นุ่มสม่ำเสมอ
- ไม่ควรใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มกับผ้าบางชนิด: เช่น ผ้าไมโครไฟเบอร์ หรือผ้าที่มีคุณสมบัติกันน้ำ เพราะอาจลดประสิทธิภาพในการซับน้ำ หรือทำให้คุณสมบัติพิเศษของผ้าลดลง
- ทำความสะอาดช่องใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มเป็นประจำ: เพื่อป้องกันคราบน้ำยาอุดตันหรือเป็นแหล่งสะสมของเชื้อรา ซึ่งอาจทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้
การใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในการซักผ้า จะช่วยให้เสื้อผ้าของคุณนุ่ม หอม และถนอมผ้าให้ใช้งานได้นานขึ้นค่ะ ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้กับการซักผ้าของคุณดูนะคะ แล้วคุณจะสัมผัสได้ถึงความแตกต่าง

“ทักษิณ” เปิดสัมพันธ์ “ฮุนเซน” ถึงจุดแตกหัก แฉปมคลิปเสียง

พยากรณ์อากาศวันนี้ ไทยมีฝนตกหนักต่อเนื่อง เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน

พระผู้ใหญ่ 2 วัดดัง มีสัมพันธ์ สีกา ก. ตำรวจเจอคลิปลับมากกว่า 80,000 ไฟล์

"เก่ง ลายพราง" เปิดตัวแฟนใหม่ คอมเมนต์แห่ชมสวย แต่หน้าคุ้นๆ
