ไลฟ์สไตล์

heading-ไลฟ์สไตล์

7 เทคนิคสำคัญ จอดรถหนีน้ำท่วม ลดความเสียหายให้กับรถยนต์

07 ก.ค. 2568 | 16:35 น.
7 เทคนิคสำคัญ จอดรถหนีน้ำท่วม ลดความเสียหายให้กับรถยนต์

7 เทคนิคสำคัญ จอดรถหนีน้ำท่วม มารู้จัก 7 เทคนิคสำคัญ ในการจอดรถหนีน้ำท่วม เพื่อ ลดความเสียหาย ที่อาจเกิดขึ้นกับรถยนต์คันโปรดของคุณกันเถอะ

มารู้จัก “7 เทคนิคสำคัญ” ในการ จอดรถหนีน้ำท่วม เพื่อ ลดความเสียหาย ที่อาจเกิดขึ้นกับรถยนต์คันโปรดของคุณกันเถอะ ไปดูกันเลย

7 เทคนิคสำคัญ จอดรถหนีน้ำท่วม ลดความเสียหายให้กับรถยนต์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

heading-ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทำไมต้องกังวลเรื่องน้ำท่วมรถ?

ความเสียหายจากน้ำท่วมรถไม่ได้มีแค่เรื่องเครื่องยนต์เสียหายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงระบบไฟฟ้า, ระบบเบรก, ห้องโดยสาร, พรม, เบาะ และชิ้นส่วนอื่นๆ อีกมากมายที่เมื่อโดนน้ำท่วมขังแล้วอาจเกิดสนิม, เชื้อรา, หรือทำให้ระบบต่างๆ รวนได้ ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมก็มักจะสูงมาก หรืออาจถึงขั้นต้องยกเลิกการใช้งานรถไปเลย

 

7 เทคนิคสำคัญ จอดรถหนีน้ำท่วม ลดความเสียหายให้กับรถยนต์

เทคนิคการจอดรถหนีน้ำท่วม (และสิ่งที่คุณควรทำ)

  1. ย้ายรถไปที่สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้: นี่คือหลักการสำคัญที่สุด ลองมองหาพื้นที่สาธารณะที่สูงกว่าถนน เช่น ลานจอดรถในห้างสรรพสินค้า (ชั้นบนๆ), อาคารจอดรถ หรือแม้แต่เนินดินที่มั่นคงและไม่กีดขวางการจราจร
  2. ข้อควรระวัง: หลีกเลี่ยงการจอดใต้ต้นไม้ใหญ่หรือป้ายโฆษณาที่อาจโค่นล้มเมื่อมีลมแรง
  3. ประเมินระดับน้ำท่วมบ่อยๆ: หากบ้านหรือที่ทำงานของคุณอยู่ในพื้นที่เสี่ยง ควรติดตามข่าวสารระดับน้ำอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมย้ายรถทันทีเมื่อมีสัญญาณเตือน
  4. ถอดขั้วแบตเตอรี่ (ถ้าจำเป็น): หากรถต้องจอดในที่ที่เลี่ยงไม่ได้ว่าน้ำจะท่วมถึงระดับสูง ให้พิจารณาถอดขั้วแบตเตอรี่ออก เพื่อป้องกันการลัดวงจรของระบบไฟฟ้า ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของความเสียหายหนัก (แต่ควรทำเมื่อมั่นใจในความรู้ด้านช่างยนต์ หรือให้ผู้เชี่ยวชาญทำ)
  5. ห้ามสตาร์ทรถที่ถูกน้ำท่วมเด็ดขาด: หากรถของคุณจมน้ำไปแล้ว ห้ามเด็ดขาด ที่จะพยายามสตาร์ทเครื่องยนต์ เพราะอาจทำให้ระบบไฟฟ้าและเครื่องยนต์เสียหายหนักยิ่งกว่าเดิม ควรรอให้ระดับน้ำลดลงและเรียกช่างผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบทันที
  6. เก็บของสำคัญออกจากรถ: ไม่ว่าจะเป็นเอกสารสำคัญ, กระเป๋าเงิน, โทรศัพท์มือถือ หรือของมีค่าต่างๆ ควรนำออกจากรถให้หมดก่อนที่น้ำจะท่วมถึง
  7. เตรียมเอกสารประกันภัยรถยนต์: หากคุณมีประกันภัยรถยนต์ประเภทที่คุ้มครองน้ำท่วม (เช่น ประกันชั้น 1) ควรเตรียมเอกสารให้พร้อม เพื่อใช้ในการแจ้งเคลมและดำเนินการหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมสงบลง
  8. อย่าจอดรถขวางทางระบายน้ำ: การจอดรถขวางทางน้ำจะยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์น้ำท่วม และอาจทำให้รถของคุณถูกกระแสน้ำพัดพาไปได้ง่ายขึ้น

 

หลังน้ำลด ควรทำอย่างไร?

  1. ห้ามสตาร์ทรถเด็ดขาด! (ย้ำอีกครั้ง)
  2. ติดต่อศูนย์บริการหรือช่างผู้เชี่ยวชาญ: ให้ช่างประเมินความเสียหายและแนะนำแนวทางแก้ไขอย่างถูกวิธี
  3. ทำความสะอาดและอบแห้ง: หากน้ำเข้าห้องโดยสาร ต้องทำความสะอาดและทำให้แห้งสนิทโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันเชื้อราและกลิ่นอับ
  4. แจ้งเคลมประกัน: เตรียมเอกสารที่จำเป็นและติดต่อบริษัทประกันภัยทันที

 

สรุป: หากคุณอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยและทราบล่วงหน้าว่ามีแนวโน้มจะเกิดน้ำท่วม ถ้าเป็นไปได้ควรรีบนำรถออกจากพื้นที่โดยเร็วที่สุด เพราะหากรอแก้ไขสถานการณ์แบบกระชั้นชิดอาจสายเกินไปหรือทำอะไรได้ไม่มากนัก การเตรียมพร้อมรับมือไว้ล่วงหน้าคือสิ่งสำคัญที่สุดเพื่อลดความเสียหายต่อรถของคุณ
 

ข่าวล่าสุด

heading-ข่าวล่าสุด

ข่าวเด่น

อย่าทำแบบนี้ "ดุ๊ก ภาณุเดช" ถูกบุกรุกบ้านส่วนตัวที่เขาใหญ่

อย่าทำแบบนี้ "ดุ๊ก ภาณุเดช" ถูกบุกรุกบ้านส่วนตัวที่เขาใหญ่

"งิ้วแต้จิ๋ว" สะพานวัฒนธรรมแห่งความทรงจำ ฉลอง 50 ปี มิตรภาพไทย-จีน

"งิ้วแต้จิ๋ว" สะพานวัฒนธรรมแห่งความทรงจำ ฉลอง 50 ปี มิตรภาพไทย-จีน

"หมอดัง"เปิดเคส"จุดขาวปริศนา"เต็มหลังชายวัย 70 เฉลยชัดคืออะไร

"หมอดัง"เปิดเคส"จุดขาวปริศนา"เต็มหลังชายวัย 70 เฉลยชัดคืออะไร

จุดเริ่มต้นดราม่า "หญิงออน" และ "สาว LGBTQ" เปิดศึกเดือด

จุดเริ่มต้นดราม่า "หญิงออน" และ "สาว LGBTQ" เปิดศึกเดือด

กรมอุตุฯ เตือนสภาพอากาศพรุ่งนี้ 39 จังหวัด โดนฝนถล่ม 3 ภาคหนักสุด

กรมอุตุฯ เตือนสภาพอากาศพรุ่งนี้ 39 จังหวัด โดนฝนถล่ม 3 ภาคหนักสุด