สาวแชร์ประสบการณ์ รถชนยังไงให้ได้เงินหลักแสน

ถ้าหากพูดถึงเรื่องอุบัติเหตุก็คงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เพราะไม่มีผลดีใดๆเลย เพราะมีเรื่องของกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องมากมาย วันนี้เราเรื่องราวของสาวรายหนึ่งที่ได้ออกมาแชร์ประสบการณ์ รถชนยังไงให้ได้เงินหลักแสน ที่แลกมาด้วยความอดทน

โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Purimprach Pumpuang ได้ออกมาโพสต์ ข้อความในกลุ่มเฟซบุ๊กว่า “รถชนยังไงให้ได้เงินหลักแสน..

แต่ถ้าอยากได้ค่าเสียหายเยอะ ต้องแลกมาด้วยความอดทน เพราะเราก็สู้มาเกือบปีเหมือนกัน ด้วยสถานการณ์โควิด ทำให้ศาลดำเนินการช้า

กรณีของเรามีดังนี้

- เป็นฝ่ายถูก

- คู่กรณีมีประกัน

- รถเรายังใหม่อยู่

- มีค่าแร๊ปสติ๊กเกอร์

- และเราจ้างทนายให้ไปดำเนินการให้ทั้งหมด เพราะทนายสามารถเรียกค่าเสียหายได้มากกว่าเราอยู่แล้ว

ในกรณีที่เราโดนชนแล้วเป็นฝ่ายถูก จะมีค่าเสียหายหลักๆที่เราเรียกจากคู่กรณีได้คือ

• ค่าขาดประโยชน์รายวัน(ตามกฎหมายจะเรียกได้วันละ 500-1,500 ตามจำนวนวันที่เราเข้าซ่อม)
• ค่าเสื่อมสภาพรถยนต์(ในกรณีของเรา รถเราเพิ่งซื้อมา 2 ปี ถือว่ายังเป็นรถใหม่อยู่ สามารถเรียกค่าเสื่อมได้สูง แต่ฝ่ายตรงข้ามมักจะเถียงว่าก็ซ่อมเปลี่ยนใหม่ให้หมดแล้ว จะยังมาเสื่อมอะไรอีก เพราะฉะนั้นเราจึงจ้างทนายไปเถียงให้แทน)
•  ค่าของตกแต่งอื่นๆที่ประกันเราไม่ครอบคลุม(ค่าแร๊ปสติ๊กเกอร์สีม่วง) ตอนโดนชนให้เราถ่ายรูปไว้เยอะๆ หลายๆมุม เพื่อเก็บหลักฐาน

หลังจากนั้นประกันของทั้งสองฝ่ายเคลียร์กันเอง เราไม่ได้ไปแจ้งความเพราะคู่กรณียอมรับว่าเป็นฝ่ายผิด ณ จุดเกิดเหตุ ประกันเราทิพย์ ชั้น 1 / คู่กรณีเป็นรถขนปูนประกันนำสิน ชั้น 3 ใช้เวลาในการซ่อมทั้งหมด 50 วัน(ซ่อมจุกจิก+รออะไหล่)

240,000 บาท ที่เราได้มาแบ่งเป็นดังนี้

- ค่าขาดประโยชน์รายวัน เรายื่นเสนอไปวันละ 1,500 แต่ศาลให้วันละ 1,000 (เราต้องใช้รถทุกวัน และเราใช้รถในการค้าขาย เราจึงได้วันละ 1,000 แต่ถ้าไม่มีหลักฐานในการใช้รถทำอะไร ส่วนใหญ่น่าจะได้แค่ขั้นต่ำ 500)

- ค่าเสื่อมสภาพรถยนต์ เราได้ 150,000 (แต่จริงๆเรียกไป 200,000)

- ค่าแร๊ปสติ๊กเกอร์สีม่วง (ได้ตามใบเสร็จคือ 30,000)

ซึ่งในตอนแรกคู่กรณีจะจ่ายแค่ 25,000 เอง เราจึงต้องเข้าสู่ขั้นตอนการขึ้นศาล คปภ. อนุญาโตตุลาการเพื่อฟ้องร้อง อาจจะใช้เวลานานหน่อย แต่ทนายบอกว่าศาลจะเข้าข้างฝ่ายถูกเสมอ

จึงชี้ขาดให้ในราคาที่ค่อนข้างสูง เพราะตอนแรกทนายเราบอกว่าอาจจะได้ซักแสนนึง ซึ่งจริงๆเราก็พอใจแล้ว แต่พอถึงเวลาจริง เราได้มา 240,000 นั่นคือแฮปปี้มาก คุ้มกับที่รอคอยมาเป็นปี เราไม่ต้องเสียค่าทนายก่อน ทนายจะหักเปอร์เซ็นเอาจากที่เค้าเรียกให้เราได้ จะกี่เปอร์เซ็นก็ไปตกลงกันเอาเอง แต่ทนายของเราดีมากๆ เราแทบไม่ต้องทำอะไรเลย ทนายจัดการให้หมด แค่ไปให้การกับศาลแค่ครั้งเดียว

หลังจากที่เรื่องราวได้เผยแพร่ออกไปก็ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก ซึ่งต่างเข้ามากซึ่งต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นต่างๆมากมาย อาทิเช่น เป็นประโยชน์มาก,เยี่ยมครับ ได้ความรู้เป็นประโยชน์มาก,ที่สุดเลยครับประโยชน์มากๆและความคิดเห็นอื่นๆอีกมากมาย

ขอบคุณข้อมูลและประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์จาก : Purimprach Pumpuang