กรมการขนส่งทางบก ออกนโยบายจูงใจประชาชน ลดภาษีประจำปี รถยนต์ไฟฟ้า

15 มีนาคม 2565

กรมการขนส่งทางบก ออกนโยบายจูงใจประชาชน ลดภาษีประจำปี รถยนต์ไฟฟ้า ว่ากันด้วยราคาน้ำมันที่มีราคาค่อนข้างเเพงมากในปัจจุบัน มฃทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ เริ่มที่จะหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันอย่างมากขึ้น

กรมการขนส่งทางบก ออกนโยบายจูงใจประชาชน ลดภาษีประจำปี รถยนต์ไฟฟ้า เรียกว่าเริ่มได้รับความนิยมและความสนใจมากขึ้น สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ รถ EV เพราะว่าด้วยราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีราคาค่อนข้างแพงขึ้นมากๆ ในปัจจุบัน ซึ่งทำให้กรมการขนส่งเอง ก็ได้ออกนโยบาย ลดภาษีประจำปีรถยนต์ไฟฟ้าในเมืองไทย แล้วจะทำการระบุรถยนต์ไฟฟ้าแต่ล่ะประเภทอีกด้วย ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น ไปติดตามกันครับ

กรมการขนส่งทางบก ออกนโยบายจูงใจประชาชน ลดภาษีประจำปี รถยนต์ไฟฟ้า

เริ่มกันที่ รถยนต์ไฟฟ้า รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคนแบบพิเศษที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ต้องมีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 100 กิโลวัตต์ โดยจะต้องติดเครื่องหมาย “e” หรือมีการกำหนดรหัสหรือรุ่นของผู้ผลิตที่แสดงถึงการใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนรถไว้บริเวณท้ายรถอย่างถาวรและสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

กรมการขนส่งทางบก ออกนโยบายจูงใจประชาชน ลดภาษีประจำปี รถยนต์ไฟฟ้า

กรมการขนส่งทางบก ออกนโยบายจูงใจประชาชน ลดภาษีประจำปี รถยนต์ไฟฟ้า

รถยนต์ไฟฟ้านั่งส่วนบุคคลไม่เกินเจ็ดคน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกินเจ็ดคน รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล และรถยนต์สี่ล้อเล็กรับจ้างที่มีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าหรือความเร็วสูงสุดไม่เป็นไปตามที่กล่าวมาข้างต้น ต้องมีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 4 กิโลวัตต์และต้องวิ่งได้ความเร็วสูงสุดไม่น้อยกว่า 45 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยจะต้องติดเครื่องหมาย “s” ไว้บริเวณท้ายรถอย่างถาวรและสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

กรมการขนส่งทางบก ออกนโยบายจูงใจประชาชน ลดภาษีประจำปี รถยนต์ไฟฟ้า

กรมการขนส่งทางบก ออกนโยบายจูงใจประชาชน ลดภาษีประจำปี รถยนต์ไฟฟ้า

รถยนต์ไฟฟ้ารับจ้างสามล้อและรถยนต์สามล้อส่วนบุคคลที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ต้องมีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 4 กิโลวัตต์ และวิ่งได้ความเร็วสูงสุดไม่น้อยกว่า 45 กิโลเมตร/ชั่วโมง

 

กรมการขนส่งทางบก ออกนโยบายจูงใจประชาชน ลดภาษีประจำปี รถยนต์ไฟฟ้า

กรมการขนส่งทางบก ออกนโยบายจูงใจประชาชน ลดภาษีประจำปี รถยนต์ไฟฟ้า

รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ต้องมีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 250 วัตต์ และต้องวิ่งได้ความเร็วสูงสุดไม่น้อยกว่า 45 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในขณะที่รถจักรยานยนต์สาธารณะที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ต้องมีกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้าไม่น้อยกว่า 250 วัตต์ แต่ไม่เกิน 4 กิโลวัตต์ และต้องวิ่งได้ความเร็วสูงสุดไม่น้อยกว่า 45 กิโลเมตร/ชั่วโมง

 

ก็เอาเป็นว่า ถ้าใครคิดหรือสนใจในส่วนของรถยนต์ไฟฟ้า ก็ต้องศึกษากันให้ดีนะครับ ในส่วนของภาษีประจำปีนั้น ก็ต้องศึกษากันให้ดี รวมไปถึงค่าเซอร์วิตต่างๆ ประจำรอบเช็คระยะแต่ล่ะครั้ง ด้วยนะครับ

ขอบคุณที่มาจาก:https://www.car250.com/ev-th-2022-03-n.html