วาเลนไทน์ วันแห่งความรัก และที่มาสัญลักษณ์วันวาเลนไทน์

08 กุมภาพันธ์ 2565

ใกล้ วันแห่งความรัก วันวาเลนไทน์ 14กุมภา ใกล้เขามาทุกที คู่รักหลายคู่เตรียมตัวเฉลิมฉลองเทศกาลวันแห่งความรัก วันนี้ Thainews จะพามาย้อนดูตำนาน เทพแห่งความรัก สัญลักษณ์วันวาเลนไทน์

คิวปิด หรือ Cupid คือใคร มีประวัติความเป็นมาของ คิวปิด ที่เกี่ยวข้องกับ  วันแห่งความรัก วันวาเลนไทน์ และ ดอกกุหลาบ ได้อย่างไร เทพเจ้าแห่งความรักความปรารถนา วันที่ 14กุมภา แล้ว นักบุญวาเลนไทน์ คืออะไร พบกันที่มาของตำนานในบทความนี้

วาเลนไทน์ (Valentine's Day)

สำหรับ วันวาเลนไทน์ สิ่งแรกที่เรานึกถึงอันดับแรก คงเป็นดอกกุหลาบสีแดง ที่สื่อถึงความรักของผู้ให้ และยังมีอีกอย่างที่มีความสำคัญสำหรับวันวาเลนไทน์ก็คือ คิวปิด สัญลักษณ์วันวาเลนไทน์ หากให้นึกก็คงเป็นภาพเด็กน้อยน่ารัก มีปีก ในมือถือคันธนูกับลูกศร เพื่อยิงศรรักปักหัวใจของใครต่อใคร แล้วคุณรู้หรือไม่ว่า เทพเจ้าคิวปิดก็มีตำนานความรักอมตะสุดคลาสสิก

วาเลนไทน์ วันแห่งความรัก และที่มาสัญลักษณ์วันวาเลนไทน์

ตำนานคิวปิด เทพเจ้าแห่งความรัก  

เทพคิวปิด (Cupid) หรือ เทพอีรอส (Eros) ในภาษากรีก และ เทพอามอร์ (Amor) ในภาษาโรมัน เป็นกามเทพ หรือ เทพแห่งความรัก เป็นโอรสของเทพเจ้ามาร์และเทพีวีนัส โดยคิวปิด ถือกันว่าเป็นเทพเจ้าที่มีรูปลักษณ์งามที่สุดในบรรดาเทพทั้งหลาย และมีฤทธิ์ที่จะบันดาลให้ใครรักใครก็ได้ และตำนานความรักครั้งนี้เกิดขึ้น เมื่อนางไซคี ผู้มีรูปโฉมงดงาม เป็นที่เลื่องลือ ผู้ที่ได้พบเห็นต่างก็ลุ่มหลงเทิดทูนจนลืมที่จะบูชาเทพีวีนัส เทพีแห่งความงาม มารดาของคิวปิดไป ทำให้เทพีวีนัสเกิดความไม่พอใจ จึงสั่งให้คิวปิดไปทำให้ไซคีไปหลงรักชายที่เลวทรามต่ำช้าสักคนหนึ่ง 

วาเลนไทน์ วันแห่งความรัก และที่มาสัญลักษณ์วันวาเลนไทน์

กามเทพคิวปิด ได้ฟังดังนั้นจึงรีบไปทำตามคำสั่งแม่ โดยลอบเข้าไปในห้องนอนของไซคี ขณะนางกำลังหลับอยู่ ตั้งใจจะยิงศรตามคำสั่งแม่ แต่เมื่อเห็นรูปโฉมของนาง คิวปิดกลับตกตะลึง และกลับทำลูกศรในมือทิ่มแทงตัวเอง คิวปิดจึงหลงรักไซคีนับแต่บัดนั้น แต่ก็ทำอะไรเปิดเผยไม่ได้ เพราะกลัวแม่ จนกระทั่งพี่สาวของนางไซคีออกเรือนกันไปหมด พ่อแม่ของนาง จึงต้องอ้อนวอนบวงสรวง เทพอพอลโล เทพแห่งการพยากรณ์ว่า เมื่อไรนางไซคีจึงจะได้พบเนื้อคู่ และเนื้อคู่เป็นใคร อยู่ที่ไหน เทพอพอลโล ก็พยากรณ์ว่า คู่ครองของนางไซคีไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นอมนุษย์ และรอคอยนางที่ยอดเขา แต่นางจะต้องไม่มองดูคู่ครองของเธอโดยเด็ดขาด

ทั้งพ่อและแม่ จึงไปส่งนางไซคีที่ยอดเขาและทิ้งไว้เพียงลำพัง เทพเซฟไฟรัส (Zephyrus) เทพประจำลมตะวันตก จึงพัดพาเธอไปยังปราสาทที่กามเทพคิวปิดเนรมิตไว้ ห้อมล้อมด้วยหุบเขาซึ่งมีธรรมชาติอันสวยงาม ตกกลางคืนคิวปิดก็มาครองคู่อยู่กับไซคี โดยนางมองไม่เห็นว่าเขามีหน้าตาเป็นอย่างไร ทั้งนี้ เนื่องจากคิวปิดขอคำมั่นสัญญาจากนางไซคีว่า จะไม่จุดไฟหรือพยายามมองเห็นตัวเขาว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ไซคีก็รับปาก พอรุ่งสางคิวปิดก็จากไป 

วาเลนไทน์ วันแห่งความรัก และที่มาสัญลักษณ์วันวาเลนไทน์

ต่อมา นางไซคีได้เชื้อเชิญพี่สาวทั้งสองของนางมาเที่ยวยังปราสาท แต่เมื่อพี่สาวของนางมาพบเห็นปราสาทที่งดงาม ก็รู้สึกอิจฉาในโชคลาภวาสนาของน้องสาว จึงยุยงให้ไซคีลอบดูตัวสามี โดยวางแผนไว้ว่า หากพบเห็นว่าเป็นอมนุษย์ที่น่าเกลียดก็ให้ฆ่าเสีย นางก็เชื่อในคำยุยงนั้น โดยซ่อนตะเกียง และมืดเอาไว้ใต้เตียง เมื่อคิวปิดหลับไป นางจึงลอบจุดตะเกียงส่องดูสามี และพบว่าสามีของนาง เป็นชายหนุ่มรูปงามกว่าชายใดๆ ที่เธอเคยพบมา 

แต่ทันใดนั้น น้ำมันตะเกียง ก็หยดลงต้องกายคิวปิดจึงตื่นขึ้น และเมื่อเห็นว่าภรรยาของตน ละเมิดคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ คิวปิดจึงบอกนางว่า "ความรักไม่อาจดำรงอยู่ได้ ถ้าปราศจากความไว้วางใจ ข้าจะลงโทษเจ้า ด้วยการจากเจ้าไปตลอดกาล" จากนั้นคิวปิดก็บินจากไป พร้อมกันนั้นปราสาท และอุทยานที่งดงาม พลันอันตรธานไปด้วย

วาเลนไทน์ วันแห่งความรัก และที่มาสัญลักษณ์วันวาเลนไทน์

ไซคีเสียใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น นางพร่ำโทษตัวเองที่ผิดคำสัญญา นางจึงตัดสินใจละทิ้งบ้านเกิดเมืองนอน เพื่อติดตามหาคิวปิด ซึ่งยากลำบากมากสำหรับผู้หญิงอ่อนแอและบอบบางอย่างไซคี นางจึงซัดเซพเนจรรอนแรมจนพบเข้ากับวิหารเทพีดิมิเทอร์ เทพีแห่งพืชผล ซึ่งของบูชานั้นวางระเกะระกะไม่มีระเบียบเพราะชาวไร่ต่างเหนื่อยล้าจากการทำงาน ไซคีจึงจัดระเบียบของเซ่นสรวงจนเรียบร้อย เทพีดิมิเทอร์พอใจมากจึงบอกให้ไซคีไปที่วิหารของเทพีวีนัสเพื่อขออภัยโทษ

แต่เทพีวีนัส ผู้ซึ่งมีความริษยาแรง กลับหาทางกลั่นแกล้งไซคีต่างๆ นานา โดยให้ไซคีผ่านภารกิจทั้ง 3 อย่างเสียก่อน โดยภารกิจแรก นางไซคีต้องแยกเมล็ดข้าว ข้าวบาร์เลย์ ข้าวโพด ถั่ว และธัญญาหารชนิดต่างๆ ที่ปะปนอยู่ในฉางแยกออกมาให้เสร็จก่อนค่ำ เพื่อให้นกพิราบของพระนางกิน ไซคีถึงกับท้อแท้ใจ เพราะนางเป็นแค่หญิงมนุษย์ธรรมดา ไม่มีทางจะทำสิ่งที่เกินความสามารถเช่นนี้ได้แน่นอน ในขณะนั้นคิวปิดที่คอยเฝ้ามองดูแลไซคีอยู่ห่างๆ ตลอดเวลาก็ส่งมดฝูงใหญ่มาช่วยงานไซคี โดยมดทั้งหมดต่างแยกธัญญาหารอย่างเรียบร้อย และรีบกลับไปก่อนค่ำ

วาเลนไทน์ วันแห่งความรัก และที่มาสัญลักษณ์วันวาเลนไทน์

เทพีวีนัสกริ้วมากเพราะรู้ว่าไซคีไม่ได้ทำเองและคนที่ช่วยเหลือนางก็คือโอรสของพระนางนั่นเอง จึงสั่งให้ไซคีไปเก็บขนแกะทองคำมาให้พระนาง ซึ่งแกะขนทองฝูงนั้นโหดร้ายมาก แต่เทพประจำแม่น้ำก็ช่วยเหลือไซคี บอกเคล็ดลับจนไซคีสามารถผ่านภารกิจที่สองได้สำเร็จ เมื่อไซคีผ่านทั้งสองภารกิจมาได้เทพีวีนัสถึงกับกริ้วและคิดแผนการร้ายกาจที่สุดขึ้นมาได้ โดยรับสั่งให้ไซคี นำผอบไปขอเครื่องประทินโฉมจากเทพีเพอร์เซโฟนี มเหสีของ เทพฮาเดส แห่งยมโลกมาถวายพระนาง ซึ่งหมายถึง การส่งไซคีไปตายนั่นเอง

ไซคีท้อถอยหมดกำลังใจอย่างมากเมื่อรู้ความหมายของเทพีวีนัส นางจึงคิดว่า ดีเหมือนกัน ในเมื่อสามีไม่เหลียวมองตนอีกต่อไปแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ดังนั้น ไซคีจึงขึ้นไปยังยอดผา เตรียมตัวกระโดดฆ่าตัวตายไปสู่ยมโลก แต่ยังไม่ทันที่ไซคีจะทำตามความตั้งใจ คิวปิดที่เฝ้ามองนางอยู่จึงเอ่ยปลอบประโลมนางอย่างอ่อนโยนด้วยความรักและสงสาร ทว่าทิฐิก็ยังทำให้คิวปิดไม่ยอมปรากฏกาย เมื่อไซคีได้ยินเสียงปลอบใจปริศนานั้นก็ทำให้มีกำลังใจสู้ต่อ คิวปิดบอกวิธีต่างๆ ในการไปนรกอย่างปลอดภัยให้กับไซคี พร้อมกับย้ำเตือนนางไม่ให้นางเปิดผอบเครื่องประทินโฉมนั้นเป็นอันขาด

วาเลนไทน์ วันแห่งความรัก และที่มาสัญลักษณ์วันวาเลนไทน์

แต่ไซคีไม่สามารถห้ามใจได้ เพราะคิดว่าเครื่องประกอบความงามนั้นจะทำให้เธองดงามกว่าเดิม เพื่อว่าสามีของเธอจะเกิดความยินดีเมื่อได้พบหน้าเธออีกครั้ง เมื่อเปิดผอบขึ้นเธอก็ล้มสลบลงทันที เพราะเครื่องประกอบความงามที่อยู่ในผอบก็คือเวทมนตร์แห่งความหลับใหลในยมโลก

เมื่อนางไซคีสลบไปแล้ว เทพคิวปิดก็รีบเข้ามาช่วยเหลือนำเวทมนตร์แห่งความหลับใหลนั่นเก็บใส่ผอบอย่างเดิมและปลุกไซคีให้ฟื้นขึ้น และชี้ให้ไซคีเห็นโทษของความอยากรู้อยากเห็นที่เกิดขึ้นกับนางถึงสองครั้งแล้ว จากนั้นคิวปิดได้ทูลขอมหาเทพซุส ช่วยเกลี้ยกล่อมให้เทพีวีนัสยกโทษให้ไซคี และบันดาลให้นางไซคี ได้ความเป็นอมตะ เซ่นเหล่าทวยเทพทั้งหลาย ตั้งแต่นั้นเทพคิวปิดและนางไซคีจึงได้ครองคู่อย่างเป็นสุข

สำหรับ ตำนานรักของคิวปิด และไซคีนี้ หากเราถอดความหมายจริงๆ ก็จะพบว่า คู่รัก หรือแม้แต่สามีภรรยาจะสามารถดำรงชีวิตอยู่ด้วยกันได้ก็ต่อเมื่อมีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และหากเกิดอุปสรรคใดๆ ขึ้นมา ก็ต้องฝ่าฟันอุปสรรค และในที่สุดก็จะพบกับความสุขที่แท้จริงนั่นเองคะ

ขอบคุณ : วิกิพีเดีย ภาพจาก โซเชียลมีเดีย และ ทีนิวส์